4 กันยายน 2568 เว็บไซต์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เผยแพร่วาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในวันที่ 5 กันยายน 2568 โดยมีวาระเรื่องด่วนที่ 8 พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 159 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
โดยพรรคภูมิใจไทย ได้เสนอ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ส่วนฝั่งพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายชัยเกษม นิติสิริ เป็นแคนดิเดตชิงนายกรัฐมนตรี เช่นกัน
ขั้นตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 ลงคะแนนโดยเปิดเผย โดยมี ส.ส. ทั้งหมดจำนวน 492 คน ขณะที่ต้องได้คะแนนเสียง 247 เสียงขึ้นไป
ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 กำหนดไว้
ขั้นตอนที่ 1 การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
ที่จะถูกเสนอชื่อมาโหวตต้องมีชื่ออยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคการเมืองนั้นจะต้องเป็นพรรคที่มี ส.ส. 25 คนขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 2 การรับรองจาก ส.ส.
เมื่อมีการเสนอชื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งขึ้นมาแล้ว จะต้องมี ส.ส. ให้การรับรองรายชื่อนั้นไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ หรือคิดเป็นจำนวนอย่างน้อย 50 คน (จากจำนวน ส.ส. ปัจจุบัน 492 คน) เพื่อให้สามารถนำชื่อดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาให้ความเห็นชอบของสภาต่อไป
ขั้นตอนที่ 3 การลงมติในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร
ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการชี้ขาดตำแหน่งผู้นำประเทศ โดยการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปอย่างเปิดเผยและโปร่งใส ด้วยวิธีการขานชื่อ ส.ส. เรียงตามลำดับตัวอักษร และให้ออกเสียงลงคะแนนเป็นรายคน กล่าวว่า เห็นชอบ ไม่เห็นชอบ หรือ งดออกเสียง ต่อชื่อบุคคลที่ถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรี
ผู้ที่จะได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 จะต้องได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวน ส.ส. ทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ จากจำนวน ส.ส. ปัจจุบัน 492 คน เสียงที่ต้องการคือ 247 เสียงขึ้นไป
ขั้นตอนที่ 4 การทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง
หลังจากที่ประชุมสภาฯ มีมติเห็นชอบบุคคลใดเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร จะเป็นผู้นำรายชื่อบุคคลดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการต่อไป
ขณะที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดเก่า ยังคงทำหน้าที่รักษาการ จนกว่าจะมีครม.ชุดใหม่