นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ระหว่างไทยและกัมพูชา ซึ่งจัดขึ้นในวันนี้ว่า เป็นพัฒนาการที่ดี โดยทั้งสองฝ่ายสามารถหารือและตกลงร่วมกันได้ในประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่อง การหยุดยิงอย่างเคร่งครัดและครอบคลุมอาวุธทุกประเภท

นายภูมิธรรมย้ำถึงคำแถลงของ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ระบุว่าทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันให้ กำลังพลอยู่ในที่ตั้งเดิม ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคมเป็นต้นไป โดย ไม่มีการเสริมกำลังเพิ่มเติม

ในที่ประชุมยังมีมติเห็นชอบร่วมกันให้มีการจัดตั้ง ผู้สังเกตการณ์ชั่วคราวจากประเทศอาเซียน โดยมีผู้ช่วยทูตทหารจากประเทศต่างๆ ที่ประจำอยู่ในไทยและกัมพูชา เข้าร่วม โดยมีผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียเป็นผู้นำคณะ เข้าไปสังเกตการณ์ในพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ ภายใต้หลักเกณฑ์ ไม่ข้ามแดน และมีการประสานงานใกล้ชิด

การประชุมในครั้งนี้ยังได้ตกลงร่วมกันว่า ทั้งสองฝ่ายจะ หลีกเลี่ยงการยั่วยุ ทั้งในเชิงการทหารและการเผยแพร่ข้อมูลที่บิดเบือนหรือเป็นข่าวปลอม เพื่อ สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการเจรจาอย่างสันติ

ในด้านมนุษยธรรม ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะ ปฏิบัติตามกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด โดยในระยะเร่งด่วน จะดำเนินการ เก็บกู้และส่งศพผู้เสียชีวิตกลับประเทศ อย่างสมเกียรติ รวมถึง การส่งกลับเชลยศึก ทันทีเมื่อมีการยุติการสู้รบโดยสมบูรณ์ ตามหลักของ อนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 13 โดยฝ่ายไทยยืนยันว่า จะดูแลผู้ที่อยู่ในความควบคุมของตนตามหลักสากลอย่างเหมาะสม

ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะ ใช้กลไกทวิภาคีในการเจรจาแก้ไขปัญหา ไม่ให้สถานการณ์ลุกลาม โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee: RBC) ภายใน 2 สัปดาห์ และจะประชุม GBC ครั้งถัดไปภายใน 1 เดือน เพื่อติดตามความคืบหน้า

นายภูมิธรรมกล่าวเพิ่มเติมว่า การเจรจาครั้งนี้เป็นนิมิตหมายที่ดี หากทุกฝ่าย มีความจริงใจและจริงจังในการดำเนินการ จะทำให้การหยุดยิงประสบผลสำเร็จอย่างแท้จริง

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีหากมีการละเมิดข้อตกลงจะมีมาตรการใดรองรับ นายภูมิธรรมตอบว่า มีกระบวนการที่วางไว้แล้ว โดยกลไก RBC จะยังคงดำเนินการเจรจาต่อเนื่อง และมี ตัวแทนอาเซียนเป็นพยานและผู้สังเกตการณ์ จึงถือว่าเป็นกระบวนการที่มีความน่าเชื่อถือ และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ

สำหรับคำถามเกี่ยวกับ การทบทวนหรือยกเลิก MOU ปี 2543 นายภูมิธรรมชี้แจงว่าเป็นคนละเรื่องกัน โดย MOU 2543 เป็นประเด็นเฉพาะทางกฎหมายที่ต้องพิจารณาในอีกระดับ ส่วนเรื่องการหยุดยิงครั้งนี้เป็นอีกประเด็นหนึ่ง ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยุติความรุนแรงและป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ลุกลาม

เมื่อถูกถามถึงการหารือกับเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) นายภูมิธรรมยืนยันว่า ได้มีการพูดคุยกันในทุกประเด็น รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง