ปิดฉาก คนละครึ่งเฟส 2 ยุบสภา กฎหมายชี้ชัดห้ามรักษาการทำต่อ
ข่าวเศรษฐกิจ

ปิดฉาก คนละครึ่งเฟส 2 ยุบสภา กฎหมายชี้ชัดห้ามรักษาการทำต่อ

ภายหลัง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า “ผมขอคืนอำนาจกลับไปยังพี่น้องประชาชนครับ” และได้กราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชกฤษฎี กายุบสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่เป็นการทั่วไป

ต่อมา นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงโครงการคนละครึ่งพลัส เฟส 2 จะต้องพับไปใช่หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า คงจะต้องหยุดไว้ก่อนด้วยข้อจำกัดตัวกฎหมายเลือกตั้งที่ไม่สามารถจะทำได้ นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก็ระบุว่าจะนำเข้า ครม. ในวันที่ 16 ธันวาคม 2568 แต่ก็ยุบสภาฯ ไปก่อน

ทั้งนี้ ตามขั้นตอนต่อไป เมื่อมีการโปรดเกล้าให้ยุบสภาฯ แล้ว รัฐบาลจะอยู่ในโหมดรักษาการ เพื่อรอการเลือกตั้งใหม่ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 169 กำหนดข้อห้ามว่า ด้วยเรื่องสำคัญๆ สำหรับรัฐบาลรักษาการไว้ ได้แก่

ห้ามอนุมัติงานหรือโครงการ ที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป ยกเว้นกรณีที่กำหนดไว้ในงบประมาณรายจ่ายประจำปีอยู่แล้ว

ห้ามการแต่งตั้ง โยกย้ายหรือถอดถอนบุคลากรของรัฐ เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อน

ห้ามอนุมัติการใช้จ่ายงบประมาณสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เว้นแต่ได้รับความเห็นชอบจาก กกต. ก่อน

ห้ามใช้ทรัพยากรของรัฐที่อาจมีผลในการเลือกตั้ง

จากข้อห้ามดังกล่าวส่งผลให้การดำเนินนโยบายของรัฐบาลนายอนุทิน ที่ค้างคาอยู่ต้องสะดุดไป โดยเฉพาะนโยบายสำคัญที่ประชาชนรออยู่อย่าง คนละครึ่งพลัส เฟส 2 ที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียด เนื่องจากโครงการที่ก่อภาระผูกพันคณะรัฐมนตรีชุดต่อไป อีกทั้งยังต้องใช้งบประมาณสำรองเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นอีกด้วย ส่วนคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ยังสามารถใช้จ่ายต่อไปได้ เพราะเป็นโครงการที่อนุมัติก่อนยุบสภา

เช่นเดียวกับการเปิดลงทะเบียนโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ที่รัฐบาลกำหนดจะเริ่มเปิดลงทะเบียนในต้นปีหน้า จะต้องชะลอออกไปก่อนแบบไม่มีกำหนด

นอกจากนี้ การยุบสภา ยังกระทบต่อมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อการออมส่วนบุคคลหรือ TISA แม้หลักการจะผ่าน ครม.เศรษฐกิจ ไปแล้ว แต่ยังไม่ตกผลึกในรายละเอียด โดยเฉพาะประเด็นวงเงินรายได้ของผู้ออมที่นำมาหักลดหย่อนภาษีที่กำหนดไว้ 8 แสนบาท และมีเงื่อนไขคนที่มีรายได้มากกว่า 1.5 ล้านบาท ให้ลดหย่อนภาษี 0.7 เท่า

ส่วนคนที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท ได้ลดหย่อนภาษี 1.3 เท่า ซึ่งขณะนี้ยังเปลี่ยนแปลงได้ เพราะข้อเสนอดังกล่าวเป็นแค่แนวทางศึกษาหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ได้สรุป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง