ประกาศแล้ว! คุมสัญญาห้องเช่าห้ามเก็บค่าน้ำไฟเกินจริง เผยสูตรคำนวณ
ข่าวเศรษฐกิจ

ประกาศแล้ว! คุมสัญญาห้องเช่าห้ามเก็บค่าน้ำไฟเกินจริง เผยสูตรคำนวณ

สภาผู้บริโภค ได้ทำหนังสือถึงสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 เพื่อเสนอแนวทางการคำนวณค่าสาธารณูปโภคเพื่อให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมทั้งต่อผู้เช่าและผู้ประกอบการ ซึ่งสอดคล้องกับข้อเสนอร่วมกันในที่ประชุมหารือที่ สคบ.ได้จัดขึ้นในวันที่ 24 และ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา ดังนี้

สูตรคำนวณอัตราค่าบริการกระแสไฟฟ้า

สูตรคำนวณอัตราค่าบริการน้ำประปา

โดยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 สคบ.ได้จัดเวทีซักซ้อมความเข้าใจประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง การให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2568 เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ประกอบธุรกิจและประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับการบังคับใช้ “ประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง การให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัยเป็นธุรกิจที่ควบคุมสัญญา พ.ศ. 2568” สาระสำคัญของกฎหมายใหม่มีดังนี้

ห้ามเรียกเก็บค่าน้ำ ค่าไฟเกินกว่าอัตราที่การไฟฟ้าและการประปากำหนด พร้อมจัดทำ “สูตรคำนวณมาตรฐาน” ให้ใช้ทั่วประเทศ

ต้องระบุสูตรคำนวณอย่างชัดเจนในสัญญา

ห้ามเรียกเก็บเงินประกันหรือค่าเช่าล่วงหน้าเกิน 3 เดือน

ข้อความใดในสัญญาที่ฝ่าฝืนประกาศ ถือว่า ไม่มีผลทางกฎหมาย

ครอบคลุมทั้งสัญญาเช่าแบบปกติและสัญญาเช่าแบบอิเล็กทรอนิกส์ (ออนไลน์)

สูตรคำนวณค่าน้ำ ค่าไฟ มาตรฐาน ที่สคบ. จะประกาศ

ซึ่งหากผู้ประกอบการกำหนดเงื่อนไขในสัญญาที่ขัดต่อข้อกำหนดของ สคบ. เช่น เก็บค่าไฟเกินจริง หรือเรียกเก็บเงินประกันล่วงหน้าเกิน 3 เดือน แม้ผู้เช่าจะเซ็นยินยอม ก็ถือว่าไม่มีผลทางกฎหมาย ผู้เช่าสามารถใช้ประกาศฉบับนี้เป็น “เกราะคุ้มกัน” ทางกฎหมายได้

โดย สคบ.เตรียมเผยแพร่ แบบสัญญามาตรฐานหอพัก ให้ดาวน์โหลดได้ทางเว็บไซต์ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำจังหวัดให้คำปรึกษาเรื่องสัญญาเช่า โดยมีเป้าหมายให้ภายในปี 2569 หอพักทั่วประเทศต้องใช้สัญญารูปแบบเดียวกัน

ทั้งนี้ สภาผู้บริโภคแนะนำ 3 ขั้นตอนง่าย ๆ สำหรับผู้เช่าหอพักที่โดนเอาเปรียบ ดังนี้

1.ตรวจสอบสัญญา ต้องมีอัตราค่าน้ำ–ค่าไฟ ระบุวิธีคำนวณชัดเจน

2.เก็บหลักฐาน เก็บใบเสร็จและรูปมิเตอร์ไว้ทุกครั้ง เพื่อใช้ยืนยันหากถูกเก็บเกินจริง

3.ร้องเรียนทันที หากพบการเก็บเกินราคาหรือมีสัญญาไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของสภาผู้บริโภค หรือ โทรสายด่วน 1502

ขอบคุณข้อมูลจาก สภาผู้บริโภค