จับตา ครม.พิจารณาวันนี้! คนละครึ่งพลัส เช็กเงื่อนไขการใช้งาน
ข่าวเศรษฐกิจ

จับตา ครม.พิจารณาวันนี้! คนละครึ่งพลัส เช็กเงื่อนไขการใช้งาน

วันที่ 7 ตุลาคม 2568 กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อพิจารณามาตรการกระตุ้นการบริโภค คนละครึ่งพลัส โดยจะเปิดให้ร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการในวันที่ 15 ตุลาคม และขยายขอบเขตประเภทธุรกิจ พร้อมเพิ่มทักษะผู้ประกอบการ ส่วนการใช้จ่ายเริ่มได้ตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม 2568

ประชาชนที่สนใจใช้สิทธิ์ คนละครึ่งพลัส ต้องกดยืนยันสิทธิ์เข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน เป๋าตัง ระหว่างวันที่ 20 - 26 ตุลาคม 2568 โดยจำกัดสิทธิ์ผู้เข้าร่วมโครงการไม่เกิน 20 ล้านคน ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยจากจำนวนผู้เคยเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่ง ทั้ง 5 เฟสที่ผ่านมา

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ระบุว่า การดำเนินโครงการรอบนี้ให้ความสำคัญกับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี โดยกำหนดวงเงินใช้จ่ายสูงกว่าผู้นอกระบบ และปรับอายุผู้เข้าร่วมโครงการจาก 18 ปี เป็น 16 ปีขึ้นไป หลักการ คนละครึ่ง ยังคงเหมือนเดิม คือ รัฐบาลออกเงินครึ่งหนึ่งของการซื้อของ แต่สำหรับ คนละครึ่งพลัส เพิ่มวงเงินเป็นวันละ 200 บาท คือ รัฐบาลสมทบ 200 บาท ประชาชนจ่าย 200 บาท

ด้านผู้ประกอบการที่จะเข้าร่วมโครงการ คนละครึ่งพลัส ขยายจากเดิมที่จำกัดเฉพาะบุคคลธรรมดา ให้รวมถึงบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลขนาดย่อม หรือไมโครเอสเอ็มอี พร้อมขยายประเภทกิจการครอบคลุมกลุ่มบริการ เช่น ร้านทำผมและแท็กซี่ แต่ไม่รวมร้านสะดวกซื้อ

ผู้ประกอบการในโครงการจะได้รับการฝึกอบรมทักษะบัญชีและการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เพื่อยกระดับผู้ประกอบการรายย่อย โดยไม่สามารถยกเว้นภาษี แต่การเข้าร่วมโครงการจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบ ผ่านโครงการ อารีย์ สกอล์

กระทรวงการคลังยังเตรียมเสนอ ครม.ในวันที่ 14 ตุลาคม โครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวเมืองรอง โดยสามารถหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า สูงสุดไม่เกิน 40,000 บาท เพื่อเพิ่มกำลังซื้อและฟื้นฟูเศรษฐกิจช่วงปลายปี

คาดว่ามาตรการเติมเงินผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการ คนละครึ่งพลัส และมาตรการลดหย่อนภาษีท่องเที่ยวทั้งเมืองหลักและเมืองรอง รวมถึงการเร่งรัดส่วนราชการใช้งบอบรมสัมมนาเร็วกว่ากำหนด จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 4 จากร้อยละ 0.3 เป็นร้อยละ 1

นายนณริฏ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า คนละครึ่งพลัส แม้จะช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายได้ในช่วงที่ผ่านมา แต่ประสิทธิภาพของโครงการเริ่มลดลง เนื่องจากโครงสร้างเศรษฐกิจปัจจุบันที่เงินหมุนเวียนชะลอตัว ทำให้เม็ดเงินที่อัดฉีดไม่ส่งผลเต็มที่ต่อระบบเศรษฐกิจ

นายนณริฏเสนอว่า ภาครัฐควรจำกัดวงเงินโครงการไม่ให้ขยายใหญ่เกินไป เพราะอาจเกิดภาระงบประมาณโดยไม่คุ้มค่า โดยวงเงินที่ใช้ในโครงการนี้ประมาณ 44,000 - 60,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบค่อนข้างสูง พร้อมเตือนให้ระมัดระวังการใช้สิทธิของประชาชน เพราะที่ผ่านมาโครงการ คนละครึ่ง ช่วงแรก มีผู้ได้รับสิทธิแต่ไม่ใช้งานจริงในสัดส่วนสูง หากเกิดขึ้นต่อไป เงินที่จัดสรรจะไม่เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ และใช้งบประมาณโดยเปล่าประโยชน์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง