วันที่ 20 พ.ย.68 ที่ ห้องประชุมชั้น 3 นำโดย พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.สอท., พร้อมด้วย พล.ต.ต.นิเวศน์ อาภาวศิน รอง ผบช.สอท.,พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1, พล.ต.ต.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผบก.สอท.2, พล.ต.ต.คมกฤช สุขไทย ผบก.สอท.3 พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมแถลงข่าว ตร.ไซเบอร์ซ้อนแผนรวบหนุ่ม สแกมเมอร์รัสเซีย ตุ๋นหญิงไทยลงทุนออนไลน์กว่า 11 ล้านบาท
สืบเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.2 ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายหญิง อายุ 70 ปี รายหนึ่ง ว่าตนเองได้รับสายโทรศัพท์จากถูกมิจฉาชีพ อ้างว่ามาจากบริษัท MIROX จากนั้นแนะนำการเกี่ยวกับลงทุนหุ้นจนผู้เสียหายเกิดความสนใจ จึงได้ลงทะเบียนตามที่คนร้ายบอก แล้วหลอกให้ผู้เสียหายโอนเงินลงทุน จากนั้นแพลตฟอร์มได้แสดงยอดเงินลงทุนและยอดเงินรายได้สะสม และมีตัวเลขยอดกำไรสูงขึ้นตามการลงทุนของผู้เสียหาย จึงโอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งสิ้น จำนวน 23 ครั้ง ปลายทาง 7 บัญชีธนาคาร รวมจำนวน 10,164,525.50 บาท นอกจากนี้ คนร้ายยังเข้ารับเงินสดจากผู้เสียหาย ณ บริษัทของผู้เสียหายอีกจำนวน 1,500,000 บาท รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้น จำนวน 11,664,525.5 บาท

เมื่อผู้เสียหายรู้ตัวว่าถูกมิจฉาชีพหลอกลวง จึงได้เข้าแจ้งความต่อ พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.2 ซึ่งขณะนั้นคนร้ายยังติดต่อกับผู้เสียหายทางแชท และยังพยายามหลอกลวงให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่ม พ.ต.อ.ปกรกิตติ์ ธนวรินทร์กุล ผกก.3 บก.สอท.2 จึงได้นำทีมชุดสืบสวนในสังกัดร่วมกันวางแผนเพื่อซ้อนแผนเข้าจับกุมคนร้ายดังกล่าว
ปฏิบัติการซ้อนแผนเริ่มขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ผู้เสียหายแจ้งคนร้ายว่า อยากลงทุนเพิ่มแต่ไม่มีเงินในบัญชีเหลือแล้ว มีแค่เพียงเงินสด คนร้ายจึงอาสาเดินทางเข้ารับเงินสดเหมือนครั้งก่อนเพื่อนำเงินของผู้เสียหายไปลงทุนให้ โดยตกลงกันว่าให้ผู้เสียหายลงทุนเพิ่มอีกจำนวน 1 ล้านบาท จากนั้นจึงได้นัดหมายให้คนร้ายเข้ารับเงินสด ณ บริษัทของผู้เสียหายในพื้นที่ ต.ไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เหมือนเดิม

เมื่อถึงวันเวลานัดหมาย ในวันที่ 18 พ.ย.68 เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางกำลังชุดสืบสวนแฝงตัว ทั่วพื้นที่นัดหมาย แต่ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาตามนัด คนร้ายกลับส่งข้อความมาบอกว่าขอเลื่อนรับเงินเป็นเวลา 16.00 น. ของวันเดียวกัน แต่สุดท้ายแจ้งว่าไม่สะดวกเข้ารับเงิน เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคาดว่าคนร้ายไหวตัวทัน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบข้อมูลหมายเลขโทรศัพท์ของคนร้าย จนทราบว่าบุคคลดังกล่าวคือ MR.PAVEL อายุ 34 ปี สัญชาติรัสเซีย และได้สืบสวนต่อจนทราบว่าหลบซ่อนตัวอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่ง ในซอยสุขุมวิท 42 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กทม. จากนั้นจึงได้นำกำลังเข้าตรวจสอบจนพบตัว MR.PAVEL และได้ตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ จากการตรวจสอบข้อมูลภายในเครื่อง พบหลักฐานเป็นประวัติการแชทข้อความและข้อมูลการโทรศัพท์พูดคุยกับผู้เสียหาย จึงยืนยันได้ว่า MR.PAVEL เป็นผู้ที่ร่วมขบวนการหลอกลวงผู้เสียหาย
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้จับกุมดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน อันมิใช่การกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา, ร่วมกันเป็นช่องโจร, สบคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป เพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ ร่วมกันฟอกเงิน

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจยังสามารถตรวจยึดของกลางอื่นๆ เพิ่มเติม รวมทั้งสิ้น 12 รายการ ได้แก่ โทรศัพท์ iPhone 15 Promax จำนวน 1 เครื่อง, สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ ชื่อบัญชี MR.PAVEL รวม 4 เล่ม, บัตร ATM ธนาคารต่างๆ ชื่อบัญชี MR.PAVEL จำนวน 6 ใบ และหนังสือเดินทางของบุคคลอืน สัญชาติอังกฤษ จำนวน 1 เล่ม
อย่างไรก็ตาม จากการสืบสวนพบว่ามีผู้ร่วมขบวนการรายอื่นอีก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการเร่งขยายผลเพื่อนำตัวมาดำเนินคดี พร้อมสืบสวนเส้นทางการเงินจนนำไปสู่ทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำผิด เพื่อตรวจยึดนำมาดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อไป
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน