สาวร้องถูกสามีทำร้ายร่างกาย หลังจับได้ว่าแอบนอกใจ ประเคนมือเท้าไม่ยั้ง
ข่าวอาชญากรรม

สาวร้องถูกสามีทำร้ายร่างกาย หลังจับได้ว่าแอบนอกใจ ประเคนมือเท้าไม่ยั้ง

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 จากกรณีมีหญิงสาวรายหนึ่งได้ร้องทุกข์มายัง ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ภายหลังจับได้ว่า สามีมีผู้หญิงอื่นก่อนที่จะถูกสามีทำร้ายร่างกายในขณะที่อุ้มลูกชายวัย 2 เดือนไว้ที่อกจนเป็นเหตุทำให้บาดเจ็บ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นใน ตำบลร่างโศก อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี นั้น

ล่าสุด เวลา 11.00 น. ต้นอ้อ ประธานมูลนิธิเป็นหนึ่ง ได้พานางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ผู้เสียหายเดินทางมาที่ สภ.บ้านหมอ เพื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายไวท์(สงวนนามสกุล) อายุ 32 ปี ซึ่งเป็นสามี หลังจากถูกทำร้ายร่างกาย จนเป็นเหตุทำให้รับบาดเจ็บ

ทางด้าน นางสาวเอ (นามสมมติ) อายุ 21 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนคบกับสามีได้มาประมาณ 2 ปี แต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสด้วยกัน จนกระทั่งตนได้ตั้งท้องประมาณ 2-3 เดือน ตนก็จับได้ว่าสามีไปแอบคุยกับผู้หญิงคนอื่น และก็ได้มีการสอบถามสามี ซึ่งสามีไม่เคยยอมรับทุกครั้งที่คุยกัน แต่กลับลงไม้ลงมือทำร้ายตนมาโดยตลอด หลังจากที่สามีทำร้ายร่างกายตนเองเสร็จ ทุกครั้งก็จะกลับมาขอโทษ ต่อมา ตนคิดว่าสามีจะกลับตัว แต่ตนก็จับได้ตลอด และทุกครั้งที่ตนจับได้ก็จะมีการทะเลาะกัน และตนจะถูกทำร้ายร่างกาย และจบด้วยคำสัญญาว่าจะไม่ไปคุยกับคนอื่นอีก

โดยตลอดระยะเวลาที่ตนตั้งครรภ์สามีของตนแอบไปคุยกับหญิงอื่นประมาณ 4-5 คน จนกระทั่งตนเองคลอดลูกได้ 2 เดือน ขณะที่ตนเองเลี้ยงลูกอยู่เพียงลำพังสามีตนก็ยังไม่เลิกพฤติกรรมเจ้าชู้ ตนอยู่ด้วยความอดทนอดกลั้นเนื่องจากต้องอาศัยอยู่ที่บ้านของสามี รวมถึงทุกครั้งที่ทะเลาะกันคนในบ้านก็จะไม่กล้าเข้ามายุ่งเนื่องจากกลัวว่าสามีของตนจะทำร้ายร่างกายล่าสุดเมื่อ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ขณะที่ตนเองเลี้ยงลูกไป 2 เดือน อยู่นั้น ตนเองเห็นแชทของสามีว่ามีการคุยกับหญิงอื่น จึงได้สอบถามว่ากลับไปคุยกับผู้หญิงคนอื่นอีกแล้วใช่หรือไม่ ทำให้สามีโมโหและไม่ยอมรับ กระหน่ำเตะที่ใบหน้าของตนเองหลายครั้งจนลูกของตนเองหลุดมือ จากนั้นสามีได้อุ้มลูกและก็ใช้เท้ากระทืบมาที่หน้าของตนเอง และเตะไปทั่วร่างกาย แต่ที่บ้านสามีก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาช่วย จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนเองปวดหลัง อุ้มลูกไม่ได้ และน้องของสามีเอายาแก้ปวดมาให้ตนเองทานจนหลับไป

วันรุ่งขึ้นวันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 จังหวะที่สามีของตนออกไปซื้อข้าว ตนเองได้หลบหนีออกมาจากบ้านของสามีพร้อมลูกวัย 2 เดือน และพยายามหารถหลบหนีกลับไปหาแม่ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสาเหตุที่ตนเองไม่ได้แจ้งความเนื่องจาก ต้องอยู่บ้านสามีและอดทนอดกลั้นกับพฤติกรรมของสามี แต่ครั้งนี้ตนเองมีลูกแล้ว ตนเองจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับสามีให้ถึงที่สุด และยืนยันว่าจะไม่กลับไปคบหากับสามีอีก ตนเองจะเป็นผู้เลี้ยงลูกเอง

ทางด้านต้นอ้อ เผยว่าหลังจากที่ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากพลเมืองดี พร้อมได้มีการพูดคุยกับทางผู้เสียหาย เบื้องต้นถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหลังจากนี้ตนได้มีการประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่สำนักความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี , เจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรม และพ.ต.อ.มนัสเวท ทองอิ่ม ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรบ้านหมอ พร้อมกับพาผู้เสียหายรวมถึงลูกชายวัย 2 เดือนไปตรวจร่างกาย เพื่อดำเนินคดีแจ้งความกับนายสมยศ ซึ่ง ณ ตอนนี้ ถือเป็นสามีของผู้เสียหายในข้อหาทำร้ายร่างกาย ในส่วนเรื่องของการตรวจร่างกายผู้เสียหายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสารการตรวจร่างกายของผู้เสียหาย สำหรับเรื่องของฝ่ายชายนั้น ขณะนี้ตนได้ประสานไปยังผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 เพื่อขอเข้าพื้นที่บ้านหลังเกิดเหตุ เพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ประกอบกับผู้เสียหายยังมีข้าวของที่ต้องนำกลับออกมา จึงจำเป็นที่ต้องเข้าไปบ้านหลังดังกล่าว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่า การที่ผู้ชายทำร้ายผู้หญิง ในขณะที่ผู้หญิงกำลังอุ้มลูกวัยสองเดือนนั้น เป็นการกระทำที่ค่อนข้างรุนแรง “มันไม่ได้แค่ขาดความเป็นสุภาพบุรุษ แต่มันขาด ความเป็นคน คุณไม่ได้ทำร้ายแค่ผู้หญิง แต่คุณทำร้าย หัวใจของคนเป็นแม่ ที่กำลังอ่อนแอที่สุดในชีวิต” ที่ผ่านมาตนยอมรับว่าเห็นเรื่องในลักษณะนี้มาหลายครั้งซึ่งเหยื่อส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่บอบช้ำทางร่างกาย แต่จิตใจของเขาก็พังยับเยิน และสิ่งที่เจ็บที่สุดคือ “ลูก” ต้องเติบโตมาในความกลัว ทั้งนี้ ตนอยากให้ทุกคนจำไว้ว่า “ความรักไม่ควรมีความรุนแรงปนอยู่เลย ถ้าเขารักคุณจริง เขาจะไม่ยกมือขึ้นทำร้ายขณะที่คุณอุ้มเลือดเนื้อของเขาเอง”

ในขณะที่ นางสาวอนัญญา อัตชู หัวหน้าพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสระบุรี (พม.) เผยว่า หลังจากนี้ต้องพาผู้เสียหายและเด็กไปตรวจร่างกายอีกครั้งในจังหวัดสระบุรี และจะต้องมีการพูดคุยกับผู้เสียหาย ในเหตุการณ์ที่ถูกทำร้ายร่างกาย ซึ่งจากพูดคุยเบื้องต้นเหตุการณ์ดังกล่าวก็เข้าเงื่อนไขสิทธิการคุ้มครองของบ้านพักเด็ก โดยหลังจากนี้ทางเจ้าที่จะมี การนำผู้เสียหาย และเด็กเข้าคุ้มครองสิทธิ์ที่บ้านพักเด็ก และครอบครัวจังหวัดสระบุรีเพื่อความปลอดภัย

เบื้องต้น ในส่วนด้านคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า นายสมยศ หรือไวท์ ผู้ก่อเหตุนั้น มีประวัติเสพยามาตั้งแต่เยาวชน โดยในปี 61 เคยถูกจับในข้อหาจำหน่ายยาเสพติด ออกมาปี 66 หลังจากนั้น จนกระทั่งปี 68 ก็ยังโดนข้อหาเสพติดมาอยู่เรื่อยๆ  หลังจากนี้ทางเจ้าที่ตำรวจก็จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุก่อนจะมีการเชิญตัวผู้ก่อเหตุมาควบคุมมาสอบปากคำเพิ่มเติมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา

ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัดสระบุรี รายงาน