วันที่ 12 ก.ย. ตำรวจสืบสวนนครบาลเข้าช่วยเหลือเหยื่อรายหนึ่งที่กำลังจะโอนเงิน 40 ล้านบาทให้แก๊งมิจฉาชีพ หลังถูกหลอกให้ลงทุนหุ้น สูญเงินไปแล้วกว่า 38 ล้านบาท แต่ธนาคารพบความผิดปกติ จึงโทรศัพท์แจ้งเตือนเหยื่อและเข้าช่วยเหลือจนสามารถอายัดเงินได้ 3 ล้านบาท
พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ผู้เสียหายถูกมิจฉาชีพที่อ้างตัวเป็นโบรกเกอร์หลอกให้ร่วมเทรดหุ้นผ่านเพจเฟซบุ๊กตั้งแต่เดือนสิงหาคม โดยมิจฉาชีพสร้างพอร์ตปลอมขึ้นมาเพื่อหลอกว่ามีการเทรดได้กำไรจริง จากนั้นได้ชักชวนให้เข้ากลุ่มไลน์ที่มีสมาชิกนับร้อยคนเพื่อร่วมลงทุนแบบบิ๊กล็อตในราคาถูก
ผู้เสียหายหลงเชื่อและโอนเงินไปกว่า 10 ครั้ง รวมเป็นเงินกว่า 38 ล้านบาท กระทั่งเมื่อวานนี้ ผู้เสียหายต้องการถอนเงิน 1.9 ล้านบาทจากธนาคารกสิกรไทย เพื่อโอนเข้าบัญชีมิจฉาชีพอีก 3 บัญชี แต่ทางธนาคารพบความผิดปกติ จึงรีบแจ้งเตือนและประสานตำรวจเข้าช่วยเหลือ ทำให้สามารถอายัดเงินก้อนแรกได้ 3 ล้านบาท
ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวเสริมว่า เมื่อตำรวจเข้าถึงตัวผู้เสียหายในตอนแรก ผู้เสียหายยังคงเชื่อว่าตนเองลงทุนได้กำไรจริง จนตำรวจประสานธนาคารเพื่อตรวจสอบและยืนยันว่าไม่มีบัญชีผู้เสียหายที่ใช้สำหรับเทรดหุ้นตามที่กล่าวอ้าง ทำให้เหยื่อยอมรับความจริง แต่ก็ยังมีความหวังว่าจะได้เงินคืน
จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า เงินของผู้เสียหายถูกโอนไปกว่า 22 บัญชี โดยมิจฉาชีพใช้บัญชีบริษัทเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและหลีกเลี่ยงการสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตน จากนั้นจะถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มตามต่างจังหวัด ซึ่งคาดว่าบริษัทเหล่านี้ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อฟอกเงินโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ ในพื้นที่ สน.หัวหมาก ยังมีผู้เสียหายอีกรายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกในลักษณะคล้ายกัน สูญเงินไปกว่า 6 ล้านบาท และพบว่าเงินบางส่วนถูกโอนไปยังธนาคารในต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน