จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่าได้โทรศัพท์พูดคุยกับรักษาการนายกรัฐมนตรีไทย นายภูมิธรรม เวชยชัย และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต เพื่อหาข้อยุติเหตุปะทะชายแดนนั้น

ล่าสุด วันที่ 27 กรกฎาคม 2568 ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า คืนวันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม 2025 ได้หารือทางโทรศัพท์กับ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เกี่ยวกับการต่อสู้ติดอาวุธที่เขตชายแดนกัมพูชา-ไทย

ในการสนทนานั้น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ระบุว่า ไม่ต้องการเห็นสงครามหรือการต่อสู้ ซึ่งนําไปสู่การเสียชีวิตและการบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ทั้งทหารและพลเรือน นั่นคือเหตุผลว่าทำไมท่านจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยและประสบความสำเร็จในการยุติความขัดแย้งในหลายประเทศทั่วโลกมาโดยตลอด

การสู้รบระหว่างกองกำลังติดอาวุธของกัมพูชาและไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็ปรารถนาที่จะเห็นการหยุดยิงในทันที และเห็นสันติภาพระหว่าง 2 ประเทศ

ข้าพเจ้าได้ชี้แจงให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทราบอย่างชัดเจนว่า กัมพูชาเห็นด้วยกับข้อเสนอหยุดยิงในทันทีและไม่มีเงื่อนไข ระหว่างกองกำลังติดอาวุธทั้งสองฝ่าย อันที่จริงข้าพเจ้าได้แสดงจุดยืนนี้ต่อ ฯพณฯ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน ไปก่อนหน้านี้แล้วเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2025

หลังจากที่ท่านได้พูดคุยกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทย ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้แจ้งข่าวดีว่า ฝ่ายไทยก็เห็นด้วยกับข้อเสนอของประธานาธิบดี ในการหยุดยิงในทันทีเช่นกัน นี่คือข่าวดีสำหรับทหารและประชาชนของทั้งสองประเทศ หวังว่าฝ่ายไทยจะไม่เปลี่ยนจุดยืน ดังที่เคยทำกับการประสานงานของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม

ข้าพเจ้าได้มอบหมายให้ ฯพณฯ ปรัก สุคนธ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ ไปหารือกับ ฯพณฯ มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และให้ท่านช่วยประสานงานกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทย เพื่อเร่งดำเนินการตามหลักการที่ตกลงกันไว้ โดยมีเป้าหมายเพื่อยุติการเสียชีวิตและการบาดเจ็บของทหารและพลเรือนทั้งสองฝ่าย

ข้าพเจ้าขอขอบคุณ ฯพณฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สำหรับความคิดริเริ่มและการไกล่เกลี่ย เพื่อหาทางหยุดยิงในทันที และเพื่อสันติภาพระหว่างกัมพูชาและไทย ผลลัพธ์อันยอดเยี่ยมนี้จะช่วยปกป้องชีวิตของทหารและพลเรือนจำนวนมาก ที่อาจต้องเสียชีวิตหรือบาดเจ็บจากการสู้รบ และจะช่วยให้ผู้ลี้ภัยหลายแสนคนได้กลับไปยังหมู่บ้านของตน เพื่อใช้ชีวิตประจำวันอย่างปลอดภัยและเป็นปกติสุข