วันที่ 22 กรกฎาคม 2568 กรมชลประทานแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา เตรียมพร้อมรับมือกับมวลน้ำจากภาคเหนือและกลางตอนบนที่ไหลสะสมลงสู่เขื่อน หลังจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 20-24 กรกฎาคม โดยคาดว่าปริมาณน้ำที่จะไหลผ่านสถานี C.2 อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ในวันที่ 25 กรกฎาคม จะเพิ่มสูงขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1,400-1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที รวมกับน้ำจากลำน้ำสาขาจะทำให้น้ำเข้าสู่เขื่อนเจ้าพระยาประมาณ 1,500-1,650 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

การรับมือควบคุมสถานการณ์ กรมชลประทานจึงจำเป็นต้องเพิ่มอัตราการระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ที่อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท จากเดิม 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 900 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ของวันที่ 22 กรกฎาคม และมีแผนเพิ่มสูงสุดถึง 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในระยะถัดไป ทำให้ระดับน้ำท้ายเขื่อนเพิ่มขึ้นอีก 20-80 เซนติเมตร

พื้นที่เสี่ยงที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ 6 จุด ได้แก่ พื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำบริเวณคลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง รวมถึงคลองบางบาล ตำบลหัวเวียง อำเภอเสนา และตำบลลาดชิด ตำบลท่าดินแดง อำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ที่ตั้งอยู่ติดกับแม่น้ำน้อย

กรมชลประทานเน้นย้ำให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด เตรียมรับมือกับระดับน้ำที่อาจเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมแนะนำให้ยกสิ่งของขึ้นที่สูง ป้องกันทรัพย์สิน และเตรียมความพร้อมในการอพยพหากจำเป็น ทั้งนี้จะมีการแจ้งข้อมูลอัพเดตเมื่อปริมาณน้ำเปลี่ยนแปลง