เปิด 6 สาขาอาชีพโดนเตือน เสี่ยงตกงานสูง

เปิด 6 สาขาอาชีพโดนเตือน เสี่ยงตกงานสูง

ในยุคที่เทคโนโลยีเติบโตแบบก้าวกระโดด ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่ใช่แนวคิดที่ห่างไกลอีกต่อไป แต่มันกำลังแทรกซึมเข้าสู่ทุกมิติของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านสาธารณสุข การศึกษา การเงิน อุตสาหกรรมการผลิต หรือแม้กระทั่งสื่อสารมวลชน

การพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของ AI ได้นำมาซึ่งประโยชน์มากมาย แต่ก็สร้างโจทย์ใหญ่ให้กับมนุษย์: เมื่อเครื่องจักรสามารถทำงานได้เร็วกว่า แม่นยำกว่า และต้นทุนต่ำกว่า แล้วมนุษย์จะทำอะไร?

ผู้ปกครอง นักเรียน และคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเริ่มรู้สึกสับสนกับอนาคตของอาชีพที่ไม่แน่นอน วุฒิการศึกษา หรือความเชี่ยวชาญที่เคยถูกมองว่าเป็น "ตั๋วความปลอดภัย" ตอนนี้ก็ไม่สามารถการันตีงานที่มั่นคงได้อีกต่อไป

หลายสาขาอาชีพที่เคยถูกมองว่า "ยากที่จะถูกแทนที่" ก็กำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากการถูกระบบอัตโนมัติเข้ามาแทนที่ แล้วอาชีพไหนบ้างที่กำลังเข้าสู่โซนเสี่ยงสูงในยุค AI? ต่อไปนี้คือ 6 สาขาวิชาชีพที่กำลังถูกเตือนมากที่สุด

1. การผลิตแบบดั้งเดิม

เคยเป็นอุตสาหกรรมที่รองรับแรงงานไร้ทักษะจำนวนมาก แต่ปัจจุบัน การผลิตแบบดั้งเดิมกำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติ หุ่นยนต์อุตสาหกรรมและระบบ AI สำหรับตรวจสอบคุณภาพถูกนำมาใช้ในวงกว้างมากขึ้น แทนที่แรงงานจำนวนมากในสายการผลิต

เมื่อเครื่องจักรสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง แม่นยำ และประหยัดมากกว่ามนุษย์ ตำแหน่งของแรงงานไร้ทักษะจึงเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อย ๆ

2. การดูแลลูกค้าและการขายทางโทรศัพท์ (Telesales)

ปัจจุบัน ศูนย์บริการลูกค้าจำนวนมากได้เปลี่ยนมาใช้ AI ตั้งแต่ระบบตอบกลับอัตโนมัติ การให้คำปรึกษา ไปจนถึงการทำการตลาดผ่านโทรศัพท์ AI สามารถทำงานได้รวดเร็วกว่า ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และที่สำคัญคือ...ผิดพลาดน้อยกว่ามนุษย์ด้วยซ้ำ

งานบริการลูกค้า ซึ่งเคยเป็นหนึ่งในอาชีพที่ "หางานง่าย" สำหรับนักศึกษาจบใหม่ บัดนี้กลับเป็นหนึ่งในสาขาที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากระบบอัตโนมัติ

3. พนักงานการเงินพื้นฐาน และเจ้าหน้าที่ธุรกรรมธนาคาร

ตามการคาดการณ์ของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ภายในปี 2030 ตำแหน่งงานด้านการเงินพื้นฐานประมาณ 40% ทั่วโลกอาจหายไป ในบางประเทศในเอเชีย หลายธนาคารได้เริ่มลดจำนวนพนักงานที่ให้บริการหน้าเคาน์เตอร์ และหันมาใช้ระบบบริการตนเองอัจฉริยะมากขึ้น

งานที่เคยถูกเรียกว่า “งานทอง” ก็ไม่สามารถต้านทานกระแสเทคโนโลยีได้อีกต่อไป

4. การแปลขั้นพื้นฐาน และนักแปลภาษา

หากในอดีต ภาษาต่างประเทศเคยถูกมองว่าเป็น “ใบเบิกทางสู่อาชีพ” ปัจจุบัน งานแปลพื้นฐานหลายตำแหน่งกลับถูกแทนที่โดย AI เครื่องมือแปลอัตโนมัติสมัยใหม่สามารถแปลได้แม่นยำถึง 98% มีความรวดเร็วแทบจะทันที และต้นทุนต่ำมาก

นักแปลจำนวนไม่น้อยจำเป็นต้องเปลี่ยนอาชีพ หรือฝึกทักษะใหม่เพื่อผันตัวไปสู่งานด้านบรรณาธิการ การพากย์หลายภาษา หรือการแปลเฉพาะทางเชิงลึก

5. งานสื่อและการผลิตเนื้อหาแบบ “สายพาน”

AI ปัจจุบันสามารถเขียนข่าว เขียนบทวิดีโอ สร้างเนื้อหาโซเชียลมีเดีย และแม้กระทั่งเลียนแบบสำนวนการเขียนของมนุษย์ได้ สิ่งนี้กลายเป็นความท้าทายใหญ่สำหรับบรรณาธิการ นักข่าว หรือผู้ผลิตเนื้อหา (content creator) ที่สร้างเนื้อหาแบบทั่วไป ไม่มีลายเซ็นต์เฉพาะตัว

ตำแหน่งประเภท “ป้อนข้อมูล–แก้ไข–โพสต์บทความ” กำลังถูก AI เข้ามาแทนที่ทีละน้อย โดยเฉพาะในบริษัทสื่อขนาดกลางและขนาดเล็ก

6. การวินิจฉัยภาพทางการแพทย์

โรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งในเอเชีย สหรัฐฯ และยุโรป เริ่มนำระบบ AI เข้ามาช่วยวิเคราะห์ภาพทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านฟิล์ม X-ray, MRI, หรือคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) ซึ่ง AI สามารถทำได้ภายในไม่กี่นาที – ขณะที่แพทย์มนุษย์อาจต้องใช้เวลาหลายนาทีถึงเป็นสิบๆ นาที

ในบางโรงพยาบาล จำนวนแพทย์รุ่นใหม่ในสาขารังสีวิทยาลดลงอย่างเห็นได้ชัด แม้ AI จะยังไม่สามารถแทนที่แพทย์ได้ทั้งหมด แต่ก็กำลังทำให้ความต้องการบุคลากรระดับต้นในสายงานนี้ลดลงอย่างรวดเร็ว

เรียบเรียง สยามนิวส์

ข้อมูล soha

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ