
มหาเถรสมาคม ใช้ยาแรง ถอดสมณศักดิ์ พระสงฆ์ ประพฤติผิด ครุกาบัติ
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รองผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยถึงผลการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ในวาระพิเศษ ที่จัดขึ้นเพื่อหารือแนวทางการดำเนินการกับพระภิกษุที่กระทำผิดพระธรรมวินัย โดยเฉพาะในกรณีที่เป็น ครุกาบัติ ซึ่งถือเป็นความผิดร้ายแรงตามพระธรรมวินัย
โดยนายบุญเชิดระบุว่า มาตรการดังกล่าวถือเป็น ยาแรง ที่มหาเถรสมาคมนำมาใช้กับพระสงฆ์ที่ประพฤติผิดวินัยร้ายแรง โดยเฉพาะกรณีที่ยังไม่ถึงขั้นอาบัติปาราชิก แต่มีลักษณะร้ายแรงรองลงมา เช่น อาบัติสังฆาทิเสสทั้ง 13 ข้อ
หากพระภิกษุที่ต้องอาบัติดังกล่าวยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการ หรือได้รับสมณศักดิ์ เมื่อมีการพิสูจน์ตามกระบวนการนิคหกรรมแล้วว่าต้องอาบัติจริง แม้จะยังไม่สิ้นสภาพจากความเป็นพระ ก็ถือว่าเป็นการเสื่อมเสียอย่างร้ายแรง โดย มหาเถรสมาคม จะดำเนินการปลดจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต ถอดสมณศักดิ์ต่อไปด้วย ซึ่งมาตรการถอดสมณศักดิ์ในกรณีอาบัติสังฆาทิเสสนั้น ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต
ในส่วนของนายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า การประชุมวาระพิเศษของมหาเถรฯ เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ยังได้หารือเกี่ยวกับ ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมพุทธศาสนิกชนในการอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกับกรณีของ สีกากอล์ฟ ที่มีความเกี่ยวข้องกับพระชั้นผู้ใหญ่อีก
ทั้งนี้ ณ ที่ประชุมเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะกำหนดบทลงโทษในกรณีที่มีผู้สมัครใจเสพเมถุนกับพระสงฆ์ แต่มีความกังวลว่าอาจเปิดช่องให้มีการกลั่นแกล้งพระสงฆ์ได้
ดังนั้น มหาเถรสมาคม จึงมีมติให้ตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.คณะสงฆ์ โดยเน้นการเพิ่มบทบาทและอำนาจหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการจัดการกับปัญหาดังกล่าว ซึ่งจะพิจารณาในรายละเอียดว่าควรเพิ่มเติมในส่วนใดบ้างต่อไป