เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา นายแพทย์ทวีชัย วิษณุโยธิน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 9 นครราชสีมา เปิดเผยสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะเช่นเดียวกับโรคไข้เลือดออกและโรคไข้ปวดข้อยุงลาย ผู้ป่วยจะมีอาการผื่นแดงตามลำตัวและแขนขา มีไข้ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ตาแดง และอาจติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ ทำให้ทารกเสี่ยงพิการทางสมองและระบบประสาท เช่น ศีรษะเล็ก การได้ยินผิดปกติ และพัฒนาการช้า

ข้อมูลระหว่างวันที่ 7 มกราคม ถึง 5 กรกฎาคม 2568 ในเขตสุขภาพที่ 9 พบผู้ป่วยสะสมจำนวน 7 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต แยกเป็น

1. จังหวัดนครราชสีมา 2 ราย

2. บุรีรัมย์ 2 ราย

3. ชัยภูมิ 2 ราย

4. สุรินทร์ 1 ราย

โดยกลุ่มอายุที่ป่วยสูงสุดคือ กลุ่มอายุ 5-9 ปี รองลงมาคือ กลุ่มอายุ 20-29 ปี และกลุ่มอายุ 40-49 ปี ตามลำดับ

ทั้งนี้ ได้แนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ป้องกันตนเองอย่าให้ถูกยุงกัด เช่น ทายากันยุง และไปฝากครรภ์จนกว่าจะคลอด หากพบว่าติดเชื้อต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากสูตินรีแพทย์ พร้อมทั้งให้ชุมชนช่วยกันค้นหาหญิงตั้งครรภ์ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง และขอความร่วมมือประชาชนกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ด้วยมาตรการ 3 เก็บป้องกัน 3 โรค คือ

1. เก็บบ้านให้สะอาดไม่ให้ยุงลายเกาะพัก

2. เก็บขยะให้เรียบร้อยไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย

3. เก็บน้ำในภาชนะให้มิดชิด เพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสซิกา โรคไข้เลือดออก และโรคไข้ปวดข้อยุงลาย

แนะนำให้ประชาชนสังเกตอาการของคนในครอบครัว หากพบว่าป่วยไม่ควรซื้อยาลดไข้ในกลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน ไดโครฟีแนก แอสไพริน รวมถึงยาชุดมารับประทานเอง และควรรีบพาผู้ป่วยไปพบแพทย์หรือสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้าน เพื่อได้รับการรักษาที่ถูกต้องและรวดเร็ว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422