ไทยอ่วม เปิด 5 ผลกระทบใหญ่ต้องเจอ หลังสหรัฐฯ ยืนยันไม่ลดภาษี

ไทยอ่วม เปิด 5 ผลกระทบใหญ่ต้องเจอ หลังสหรัฐฯ ยืนยันไม่ลดภาษี

วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามส่งจดหมายแจ้งรัฐบาลไทยว่า สหรัฐฯ จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยในอัตรา 36% เหมือนเดิม โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป ขณะที่เวียดนามได้รับการลดภาษีเหลือ 20% และมาเลเซียเหลือ 25% ส่งผลให้ไทยเสียเปรียบคู่แข่งในตลาดส่งออกถึง 10-16%

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลไทยได้เจรจากับสหรัฐฯ หลายเดือนเพื่อหวังลดภาษี แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ทำให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างรุนแรง โดย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล นักเศรษฐศาสตร์ ระบุว่า ไทยกำลังตกอยู่ในสถานะด้อยกว่าคู่แข่ง เพราะผู้นำเข้าสหรัฐฯ จะเลือกซื้อสินค้าที่ต้นทุนต่ำกว่า เช่น จากเวียดนาม ส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการผลิตในไทย

ผลกระทบต่อคนไทยสามารถสรุปได้เป็น 5 ข้อหลัก ดังนี้

1. สินค้าไทยขายยากขึ้นในตลาดสหรัฐฯ เพราะบริษัทต่างชาติเลือกซื้อสินค้าที่ต้นทุนต่ำกว่า ทำให้เวียดนามได้เปรียบ และโรงงานในไทยเสี่ยงสูญเสียออเดอร์ รายได้ลดลง

2. นักลงทุนต่างชาติถอย หันไปตั้งโรงงานในเวียดนามแทน เพราะต้นทุนภาษีส่งออกไทยแพงกว่าคู่แข่ง ส่งผลให้เงินลงทุนหลายหมื่นล้านบาทอาจสูญหาย

3. โรงงานในไทยผลิตลดลง คนตกงานเพิ่มขึ้น เมื่อโรงงานไม่ได้ออเดอร์มากพอ อาจเลิกจ้างหรือไม่รับคนเพิ่ม ส่งผลกระทบต่อรายได้ของแรงงานและความสามารถในการจับจ่าย

4. การบริโภคในประเทศหดตัว เงินในกระเป๋าหายไปจากการว่างงานและรายได้ลดลง ส่งผลให้ธุรกิจร้านค้า ร้านอาหาร และ SME ได้รับผลกระทบตามไปด้วย เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว

5. เศรษฐกิจไทยอ่อนแรง สะเทือนทั่วระบบ อาจทำให้ไทยเสียตำแหน่งผู้นำการผลิตในอาเซียนอย่างถาวร หากไม่เร่งแก้ไขภายใน 1-2 ปีข้างหน้า

ในทางกลับกัน พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่ารัฐบาลไทยยังคงเดินหน้าเจรจากับสหรัฐฯ ต่อไป พร้อมมั่นใจว่าจะสามารถลดอัตราภาษีให้ต่ำกว่า 36% ได้ หลังส่งข้อเสนอใหม่ไปแล้ว

ขณะที่ ดร.พิพัฒน์ เหลืองนฤมิตชัย หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ กลุ่มธุรกิจการเงินเกียรตินาคินภัทร (KKP) ได้แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊กว่า จดหมายเรียกเก็บภาษีในสไตล์  Art of the Deal นี้เหมือนการเรียก ค่าคุ้มครอง ที่บีบให้ไทยต้องกลับโต๊ะเจรจาและเลือกยอมเสียบางอย่างในระยะสั้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ในระยะยาว โดยหากไทยเดินเกมอย่างระมัดระวัง ด้วยการเปิดตลาดเกษตรควบคู่กับมาตรการชดเชย พร้อมทั้งเร่งยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศ ไม่เพียงแต่จะรอดพ้นภาษี 36% นี้ได้เท่านั้น แต่ยังมีโอกาสผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตและมีมูลค่าสูงขึ้นในอนาคตอีกด้วย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ