ดีเอสไอ เตรียมออกหมายค้นและขอหมายจับ ขบวนการทุจริตต่อใบอนุญาตทำงานต่างด้าว เชื่อมโยงจนท.ไทย-กัมพูชา ผ่านบัญชีม้า ยอดเงินทะลุ 6 พันล้านบาท

ดีเอสไอ เตรียมออกหมายค้นและขอหมายจับ ขบวนการทุจริตต่อใบอนุญาตทำงานต่างด้าว เชื่อมโยงจนท.ไทย-กัมพูชา ผ่านบัญชีม้า ยอดเงินทะลุ 6 พันล้านบาท

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2568 รายงานข่าวจากกระทรวงยุติธรรมเปิดเผยว่า ในวันนี้พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมนำหลักฐานเกี่ยวกับคดีทุจริตเรียกรับเงินใต้โต๊ะแรงงานข้ามชาติ ซึ่งพบกระทำเป็นขบวนการทุจริตข้ามชาติเชื่อมโยงเจ้าหน้าที่รัฐกัมพูชา บริษัทเอกชนไทย และระบบราชการไทยโดยเฉพาะกระทรวงแรงงาน ประเมินยอดเงินใต้โต๊ะรวมทั้งระบบประมาณ 5,996–6,115 ล้านบาท โดยจะหารือทั้งการออกหมายค้น และประเด็นข้อกฎหมายในการออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป

ทั้งนี้ข้อมูลเบื้องต้นพบว่า ลักษณะการทุจริต คือมีการเรียกรับเงินเพิ่มเติมจากแรงงานต่างด้าวคนละ 2,500–2,550 บาท นอกเหนือจากค่าใช้จ่ายทางราชการ จากจำนวนแรงงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งหมด 2,398,218 คน แบ่งตามสัญชาติ คือ เมียนมา : 2,012,856 คน , กัมพูชา : 287,557 คน , ลาว : 94,132 คน และเวียดนาม : 3,673 คน รวมประเมินยอดเงินใต้โต๊ะรวมทั้งระบบ : ประมาณ 5,996–6,115 ล้านบาท ดังกล่าว

รายงานข่าวเปิดเผยว่า ขบวนการทุจริตดังกล่าวอาศัยกลไกที่เปิดช่องทุจริต คือประกาศกระทรวงแรงงานวันที่ 26 พ.ย. 2567 กำหนดว่าแรงงานต้องได้รับการรับรองจาก สถานทูตและ AGENCY ก่อนต่อใบอนุญาต ซึ่งเงื่อนไขดังกล่าว เปิดช่องให้มีการเรียกรับผลประโยชน์ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมการจัดหางาน หากแรงงาน/นายจ้างไม่จ่าย เงินพิเศษ จะไม่ได้รับอนุมัติจากระบบ

สำหรับ เส้นทางการเงินที่ตรวจพบ (เฉพาะกลุ่มแรงงานกัมพูชาบางส่วน) มีดังนี้ จากบัญชีม้า เจ้าหน้าที่กัมพูชา Mr. MANITH RONG (รองผอ.ฝ่ายการท่องเที่ยวฯ) รับเงินและโอนต่อให้ Mr. KEM CHAMREOUN (รองอธิบดีกรมแรงงาน) 15.8 ล้านบาท

Mr. BUNHAK UN (ที่ปรึกษารัฐมนตรีแรงงาน) 15 ล้านบาท (จากบัญชีอื่น) + 14.1 ล้านบาท (จากบัญชี Mr. LAY LOEUT)รวมเจ้าหน้าที่กัมพูชาที่รับผลประโยชน์ 44.8 ล้านบาท

จาก Mr. MANITH RONG บุคคล/บริษัทในไทย น.ส.สิธารัตน์ วิสุทธิธรรม 13.7 ล้านบาท บริษัท ธุวติ เทรดดิ้ง จำกัด 41.5 ล้านบาท บริษัท ดวงตะวันเพชรฯ 1.9 ล้านบาท รวมผู้รับในไทยที่ตรวจพบ 57.1 ล้านบาท

จากขบวนการทุจริตดังกล่าว ส่งผลกระทบ สร้างความเสียหายให้แรงงานต่างด้าวจำนวนมาก และบ่อนทำลายความเชื่อมั่นในระบบราชการไทยถือเป็นการทุจริตเชิงโครงสร้างที่เกี่ยวข้องกับ นโยบาย ภท. หรือไม่ ที่เอื้อให้เกิดช่องทางทุจริตอย่างมาก ซึ่งจะต้องถูกดำเนินคดีขั้นเด็ดขาด แหล่งข่าวจากกระทรวงยุติธรรม กล่าว

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ