
อ.ธรณ์ เตือนแรงแผ่นดินไหวเป็นระยะ ที่ภูเขาไฟใต้น้ำทะเลอันดามัน หากระเบิดจริงอาจเกิดสึนามิ ตึก 3 ชั้นก็ไม่รอด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กอธิบายปรากฏการณ์แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นถี่ในช่วงนี้บริเวณทะเลอันดามันตอนใต้ พร้อมเตือนให้ประชาชน "ไม่ตื่นตระหนก แต่ควรเฝ้าระวัง" โดยเฉพาะในพื้นที่ชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทย เช่น ภูเก็ต พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล ซึ่งอยู่ใกล้กับจุดที่พบความเคลื่อนไหวของภูเขาไฟใต้น้ำ
ภูเขาไฟใต้น้ำกับความเสี่ยงสึนามิ
ในโพสต์ระบุว่า การเกิดแผ่นดินไหวหรือภูเขาไฟระเบิดใต้น้ำเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด คลื่นสึนามิ โดยเฉพาะหากเกิดในทะเลที่มีความลึกและแรงระเบิดสูง จะส่งผลให้มวลน้ำจำนวนมากเคลื่อนที่ออกจากจุดศูนย์กลาง เกิดเป็นคลื่นที่มีพลังมหาศาล เช่นเดียวกับเหตุการณ์ภูเขาไฟ Hunga Tonga Hunga Haʻapai ที่ระเบิดในปี 2022 ในมหาสมุทรแปซิฟิก สร้างคลื่นสูงกว่า 20 เมตร แม้จะเกิดในที่ห่างไกล แต่ยังสร้างความเสียหายได้มาก
สำหรับทะเลอันดามัน จุดที่เกิดแผ่นดินไหวถี่ๆ ในช่วงนี้ อยู่ห่างจากจังหวัดพังงาประมาณ 470-480 กิโลเมตร เป็นบริเวณแนวภูเขาไฟใต้น้ำเดียวกับที่มี "เกาะ Barren" ซึ่งเป็นภูเขาไฟเหนือผิวน้ำเพียงลูกเดียวในแถบนี้ ตั้งอยู่ในเขตอินเดียและยังคงปะทุอยู่เป็นระยะ ล่าสุดเมื่อปี 2022 เช่นกัน
แม้การไหวที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะยังไม่มีสัญญาณแน่ชัดของการระเบิด แต่หากเกิดการระเบิดรุนแรงในจุดนี้จริง ก็อาจทำให้เกิดคลื่นสึนามิที่เดินทางถึงชายฝั่งไทยได้เร็วกว่าครั้งที่เกิดในปี 2547 เนื่องจากระยะห่างใกล้กว่าจุดเดิม
ภัยพิบัติที่เป็นไปได้ แต่ยังไม่ชัดเจน
ธรณ์ระบุว่า แม้จะมีความเป็นไปได้ แต่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ชัดเจนว่าจะเกิดภูเขาไฟระเบิดเมื่อใด เพราะต้องอาศัยข้อมูลการเปลี่ยนแปลงของแผ่นเปลือกโลกและแมกมาอย่างละเอียด ต้องเฝ้าติดตามกันอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ดูจากจำนวนครั้งของแผ่นดินไหวเท่านั้น
ไทยเสี่ยงแค่ไหน?
ฝั่งอ่าวไทย: โอกาสเกิดสึนามิน้อยมาก เนื่องจากห่างไกลจากจุดเสี่ยงหลักในอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ หากเกิดก็จะมีคลื่นเล็ก และมีเวลารู้ล่วงหน้านาน
ฝั่งอันดามัน: ต้องเฝ้าระวังมากกว่า โดยเฉพาะในจังหวัดชายฝั่งตะวันตกของภาคใต้ หากเกิดระเบิดของภูเขาไฟใต้น้ำแรงพอ จะทำให้คลื่นเคลื่อนเข้าชายฝั่งภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ข้อเสนอแนะในการรับมือ
อ.ธรณ์แนะนำว่า ประชาชนไม่ควรตระหนก แต่ควรเตรียมความพร้อม เช่น
- ซ้อมแผนอพยพกับคนในครอบครัว
- ศึกษาเส้นทางหนีภัยในพื้นที่
- หลีกเลี่ยงการเชื่อข่าวลือที่ไม่มีแหล่งข้อมูลชัดเจน เชื่อข้อมูลจากนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมอุตุนิยมวิทยา, กองเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมทรัพยากรธรณี, ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ฯลฯ
ไม่ต้องตระหนก แต่ถ้ายังมีการไหวถี่ๆ แบบนี้ก็คงต้องเฝ้าระวังไว้บ้าง พูดคุยซักซ้อมกับคนในครอบครัวว่าหากฉุกเฉินทำไง ดูเส้นทางหนีภัยใกล้ตัว ฯลฯ อ.ธรณ์ กล่าวในโพสต์
ขอบคุณที่มาfacebookThon Thamrongnawasawat