เกาะเต่าเดือด! สาวไทยใจสู้บุกจับโจรสาวคาท่าเรือ จนคนชมกันสนั่น

เกาะเต่าเดือด! สาวไทยใจสู้บุกจับโจรสาวคาท่าเรือ จนคนชมกันสนั่น

กลายเป็นคลิปที่ถูกพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างมาก สำหรับเรื่องราวสุดปังของสาวไทยหัวใจนักสู้ เจ้าของร้าน Mermaidshop Kohtao บนเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ออกมาแชร์ประสบการณ์สุดระทึกในการจับกุมนักท่องเที่ยวหัวขโมยด้วยตัวเอง จนกลายเป็นที่กล่าวขานถึงความเด็ดเดี่ยวและไม่ยอมคน

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อผู้ใช้ TikTok @pimmyniwarin เจ้าของร้านบิกินี่-สปอร์ตแวร์ ได้พบว่ามีนักท่องเที่ยวหญิงรายหนึ่งเข้ามาขโมยบิกินี่ของที่ร้านไป ซึ่งเธอทราบข่าวว่านักท่องเที่ยวคนดังกล่าวมีกำหนดจะเดินทางออกจากเกาะเต่าในเช้าวันที่ 25 มิถุนายน จึงตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้คนทำผิดลอยนวล เตรียมแผนบุกไปดักรอที่ท่าเรือ เพื่อจับกุมโจรด้วยตัวเอง

ภาพจาก TikTok : @pimmyniwarin

เมื่อถึงท่าเรือที่นักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเดินทางมาถึง บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและหัวใจที่เต้นระรัว ในที่สุดเป้าหมายก็ปรากฏตัวขึ้น! เจ้าของช่องรีบวิ่งเข้าไปจับกุมนักท่องเที่ยวหญิงคนดังกล่าวทันที โดยได้มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้ล่วงหน้าแล้ว

ภาพจาก TikTok : @pimmyniwarin

เมื่อถูกจับได้ นักท่องเที่ยวหญิงพยายามอ้อนวอนขอความเห็นใจ แต่ทางเจ้าของช่องโต้กลับเป็นภาษาอังกฤษอย่างเด็ดขาดว่า ตอนที่คุณทำ คุณไม่คิดเลย เรื่องนี้ยอมรับไม่ได้ นักท่องเที่ยวพยายามอ้างว่าต้องการกลับบ้าน และมีเที่ยวบินในคืนนั้น แต่ทางเจ้าของช่องไม่ใจอ่อน ตอบกลับอย่างหนักแน่นว่า คุณสามารถจ่ายเงิน 750 บาทได้ แต่คุณไม่จ่าย คุณเลือกที่จะขโมยของไปจากร้าน เรื่องนี้จึงยอมรับไม่ได้

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า นักท่องเที่ยวสาวชาวอิสราเอลคนดังกล่าวทำทีมาซื้อชุดบิกินี่ที่ร้าน 1 ตัว แต่กลับหยิบบิกินี่อีกตัวซึ่งมีราคา 750 บาทติดมือไปด้วยโดยไม่จ่ายเงิน ระหว่างการเผชิญหน้า เธอยังพยายามเข้ามาจับตัว แต่เธอได้ถอยห่างพร้อมประกาศชัดเจนว่าเป็นโจรสาวจะไม่ได้กลับไปไหน เพราะได้ก่อเหตุขโมยของแล้ว

ภาพจาก TikTok : @pimmyniwarin

ท้ายที่สุด นักท่องเที่ยวสาวถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจเพื่อไปเจรจากันต่อที่สถานีตำรวจ มีการไกล่เกลี่ยและตกลงกันว่า โจรสาวยอมจ่ายค่าปรับเป็นจำนวน 500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบ 20,000 บาท ซึ่งแม้จะเป็นจำนวนเงินที่น้อยกว่าป้ายเตือนภายในร้าน

ที่ระบุว่า การขโมยนั้นเป็นเรื่องที่รับไม่ได้ ปรับ 50 เท่า หรือดำเนินคดี เลือกเอาเลย (ซึ่งหากคิดจากบิกินี่ราคา 750 บาท ค่าปรับ 50 เท่าจะอยู่ที่ 37,500 บาท) แต่เธอเผยว่า นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวต้องตกเครื่องบิน และต้องจองตั๋วใหม่ ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ต้องจดจำไปอีกนาน

ภาพจาก TikTok : @pimmyniwarin

เรียบเรียงเนื้อหาโดย สยามนิวส์

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ