
หญิงวัย 52 บุกเดี่ยวชิงทอง 1 บาท สารภาพดูละครแล้ววางแผน
วันที่ 16 มิถุนายน 2568 พ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ณัฎฐชัยเขียวจันทร์ สว.(สอบสวน)สภ.ชุมแพ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคุมตัว นางศรีอัมพร อายุ 52 ปี ต.นาจาน อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น ผู้ก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ มาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในร้านทอง ริมถนนราษฎร์บำรุง ต.ชุมแพ อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ภายหลังชุดสืบสวนสามารถแกะรอยติดตามตัวได้ภายในบ้านพักที่อำเภอสีชมพูเมื่อช่วงค่ำวานนี้ พร้อมกับสร้อยสร้อยคอทองคำที่ขโมยมาน้ำหนัก 1 บาทจำนวนหนึ่งเส้น ถูกฝังดินข้างบ้านโดยหอด้วยผ้าอ้อมเด็กและใส่ถุงพลาสติกอีกหนึ่งชั้นฝั่งเอาไว้เพื่อรอให้เรื่องเงียบแล้วจะนำมาขาย
โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพจำนวน 3 จุด ประกอบด้วยภายในร้านทอง จุดที่เปลี่ยนเสื้อผ้า จุดที่จอดรถจักรยานยนต์พ่วงข้างเอาไว้แล้วหลบหนีไปยังอำเภอสีชมพู ระยะทาง 40 กิโลเมตร โดยบรรยากาศช่วงที่อยู่ในร้านทองผู้ก่อเหตุพยายามจะขอโทษเจ้าของร้านแต่ทางตำรวจเร่งให้ดำเนินการตามขั้นตอนด้วยความรวดเร็วเนื่องจากมีชาวบ้านที่เห็นช่วงทำแผนมายืนออกันอยู่ที่หน้าร้าน จึงรีบพาผู้ก่อเหตุไปยังจุดที่สองทันที ก่อนจะควบคุมตัวมาที่สภ. ชุมแพ ดำเนินคดีตามกฎหมาย ก่อนส่งฟ้องศาลศาลจ.ชุมแพฝากขังตามขั้นตอนต่อไป
นางศรีอัมพร ผู้ต้องหา สารภาพว่า ตนเองวางแผนจะวิ่งราวทองมา 3 เดือนแล้ว โดยตั้งใจจะก่อเหตุที่ร้านทองร้านนี้ เพราะเป็นร้านเดียวที่เปิดประตูไว้ และมีคนขายเป็นผู้หญิงสองคน ส่วนร้านอื่นๆประตูปิดอย่างดี กลัวว่าถ้าก่อเหตุแล้วจะออกไม่ได้ และที่ตัดสินใจลงมือในวันดังกล่าว เนื่องจาก มีปัญหาเรื่องเงินหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้ ธกส. ซึ่งกู้ยืมสะสมทบกันมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เป็นหนี้กว่า 800,000 บาท นอกจากนี้ ยังมีหนี้สินอื่นๆที่หยิบยืมจากคนรู้จัก รวมรวมแล้วก็เกือบล้าน และเดือนนี้จะต้องจ่ายดอกเบี้ย ธกส.ประมาณ 40,000 บาท จึงตัดสินใจก่อเหตุขึ้น โดยก่อนจะก่อเหตุนั้น เดินวนอยู่ 3 รอบ เพื่อหาโอกาสเหมาะ พอจังหวะไม่มีคน จึงเข้าไปทำทีขอซื้อสร้อยคอทองคำ และตั้งใจหยิบเอาไป แค่เพียงเส้นเดียวเท่านั้น ก่อนจะหยิบกระป๋อง ซึ่งภายในบรรจุกระดาษเอาไว้จุดไฟ เพื่อให้คนขายตกใจ แต่จุดแล้วไฟไม่ติด พอวิ่งออกจากร้านก็ไปเปลี่ยนชุด แต่ไม่คิดว่าจะมีกล้องวงจรปิดเยอะขนาดนี้และไม่ได้คิดมาก่อนในเรื่องของกล้อง ในช่วงที่วิ่งมาคิดแต่ว่าถอดชุดให้เร็วที่สุดเปลี่ยนชุดให้เป็นคนใหม่ให้เร็วที่สุด เพื่อจะหลบหนี พอไปถึงรถตัวเองขับรถกลับมาถึงบ้านที่อำเภอสีชมพู ในใจก็คิดว่ารอดแล้ว จึงเอาผ้าอ้อมหลานสาวห่อกับทองใส่ถุงอีกชั้น ฝังดินเอาไว้ข้างบ้าน รอให้เรื่องเงียบแล้วจะนำออกมาขาย แต่ก็มาถูกตำรวจตามจับได้ถึงที่บ้าน ยอมรับว่าทึ่งในฝีมือของตำรวจที่สามารถตามจับได้อย่างรวดเร็วภายใน 24 ชั่วโมง
ผู้ต้องหา บอกอีกว่า การวางแผนวิ่งราวทองที่วางแผนมาสามเดือนนั้น ส่วนหนึ่งได้มาจากในละคร และตามข่าวต่างๆ จึงคิดหาวิธีวางแผนทำยังไงจะไม่ให้ตัวเองถูกจับหากก่อเหตุ แต่ไม่ได้คำนึงถึงเรื่องกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ทุกมุมเมือง ซึ่งก็ยอมรับผิด แต่ทำไป เพราะความจำเป็นเรื่องหนี้สินที่จะต้องหามาจ่าย ก่อนหน้านี้ไม่รู้จะหาเงินด้วยวิธีไหนถึงขั้นคิดสั้นจะฆ่าตัวตาย เพื่อให้หนี้หมดไปพร้อมกับชีวิต แต่ก็ไม่กล้าทำจึงหาวิธีอื่นด้วยการก่อเหตุวิ่งราวทองครั้งนี้ขึ้น
ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพก็ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนทำการสอบปากคำเพิ่มเติมก่อนคุมตัวส่งฟ้องศาลฝากขังดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “วิ่งราวทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะเพื่อความสะดวกแก่การกระทำความผิด หรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม”
ด้านพ.ต.อ.รักชาติ เรืองเจริญ ผกก.สภ.ชุมแพ กล่าวภายหลังทำแผนประกอบคำรับสารภาพผู้ต้องหารายดังกล่าวว่า ในทางคดีนั้นถือว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างรวดเร็วสามารถติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ภายใน 24 ชั่วโมงพร้อมกับของกลาง ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพ และให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี ในเรื่องของการประกันตัวนั้นก็จะทำการพิจารณาเนื่องจากผู้ต้องหาให้ความร่วมมือและมีความจำเป็นในเรื่องหนี้สินแต่เลือกวิธีที่ผิดกฎหมาย ก็จะให้ทางพนักงานสอบสวนพิจารณาในเรื่องการประกันตัวว่าจะคัดค้านหรือไม่ ก่อนส่งศาลดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป