
ชาวชายแดนบุรีรัมย์ จับตาหวั่นซ้ำรอยปะทะปี 54 เริ่มทยอยขายวัวควายสร้างบังเกอร์
วันที่ 14 มิถุนายน 2568 ในพื้นที่บ้านสายโท 11 ใต้ ตำบลสายตะกู อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งอยู่ห่างจากแนวชายแดนไทย-กัมพูชาราว 3-4 กิโลเมตร เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของชาวบ้านที่เคยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาเมื่อปี 2554 จนต้องอพยพออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงชั่วคราวในตอนนั้น
ล่าสุด ชาวบ้านในพื้นที่เริ่มจับกลุ่มพูดคุยกันถึงสถานการณ์ความไม่สงบบริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ที่เกิดเหตุปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคมที่ผ่านมา และต่างรอลุ้นผลการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่จัดขึ้นในวันนี้ ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา
ชาวบ้านส่วนใหญ่แสดงความหวังว่า การเจรจาจะหาข้อยุติที่เป็นสันติ ไม่บานปลายจนกลายเป็นการสู้รบอีก เพราะจะกระทบต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทั้งสองฝั่งชายแดน โดยเฉพาะพื้นที่ที่เคยเกิดเหตุการณ์รุนแรงมาก่อนอย่าง ต.สายตะกู ซึ่งในปี 2554 เคยมีลูกกระสุนกว่า 120 นัดตกในพื้นที่ สร้างความเสียหายและความหวาดกลัวอย่างมาก
ปัจจุบัน ความกังวลเริ่มปะทุขึ้นอีกครั้ง หลายครัวเรือนที่เลี้ยงวัว-ควายเริ่มทยอยขายสัตว์เลี้ยงในราคาต่ำกว่าตลาด เฉลี่ยตัวละ 6,000-8,000 บาท จากราคาปกติที่ควรอยู่ที่ 10,000-20,000 บาท เพื่อป้องกันปัญหาหากต้องอพยพหนีภัยโดยกะทันหัน
ในขณะเดียวกัน ครอบครัวที่มีผู้สูงอายุหรือไม่มีแรงงานช่วยเหลือได้เริ่มลงทุนสร้าง “บังเกอร์หลบภัย ภายในบริเวณบ้าน โดยใช้ท่อปูนซีเมนต์และถมดินเพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนหากเกิดเหตุฉุกเฉิน แม้สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่มีความชัดเจนจากการปะทะที่ช่องบก แต่ชาวบ้านชายแดนยังคงใช้ชีวิตด้วยความระมัดระวังและหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์บานปลายให้ต้องเผชิญกับฝันร้ายอีกครั้ง