เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2568 ที่ศูนย์ประสานงานเพจ สายไหมต้องรอด เขตสายไหม กรุงเทพฯ ยายสา (นามสมมุติ) วัย 87 ปี อดีตคุณครูโรงเรียนชื่อดัง เดินทางเข้าร้องเรียนกรณีถูกดาราหนังซีรีส์วัยรุ่นชื่อดังรายหนึ่ง อ้างตัวเป็น หม่อมหลวง และหลานชายของบุคคลระดับสูง หลอกยืมเงินและทรัพย์สินไปจนหมดตัว รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท

ยายสาเปิดเผยว่า รู้จักชายคนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2562 ในฐานะจิตอาสา มักอ้างตนเป็นดาราและมีนามสกุลผู้ดี พร้อมทั้งแต่งกายด้วยเครื่องแบบข้าราชการสีขาว ติดเหรียญ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ และสายสะพายเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ กระทั่งในปี 2564 เขาอ้างว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง จึงมาขอยืมเงินครั้งละ 3 แสนบาท รวม 3 ครั้ง และยังหลอกให้โอนเงินต่อเนื่องถึง 3.5 ล้านบาท

ภาพจาก เฟซบุ๊ก : ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ

เมื่อเงินสดหมด ยังขอรับสร้อยทองคำหนัก 6 บาท และแหวนทองอีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังยืมโฉนดที่ดินอ้างจะนำไปค้ำประกันบ้านที่ จ.ขอนแก่นไม่ให้ถูกยึด เวลาผ่านมากว่า 6 ปี ผู้เสียหายยังไม่ได้รับเงินคืน แม้จะนัดหมายชำระหนี้หลายครั้ง โดยอ้างเหตุผลหลีกเลี่ยงมาตลอด ล่าสุด ยายสาระบุว่า หากไม่คืนเงินภายในสิ้นเดือนนี้ จะดำเนินคดีถึงที่สุด

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจ สายไหมต้องรอด เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีผู้เสียหายทยอยแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับชายคนดังกล่าว โดยมีอดีตครูวัย 87 ปีที่สูญเงินรวมกว่า 9 ล้านบาท และทองคำอีก 6 บาท และอีกหนึ่งผู้เสียหายที่สูญเงินกว่า 367,000 บาท

ภาพจาก เฟซบุ๊ก : ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ

นายไอซ์ (นามสมมุติ) อายุ 27 ปี ผู้เสียหายอีกราย ระบุว่า ชายที่แอบอ้างเป็นหม่อม มักสร้างเรื่องว่าเป็นลูกกำพร้า เข้าช่วยงานในโรงเรียนผู้สูงอายุจนเป็นที่น่าเชื่อถือ ก่อนหลอกยืมเงินโดยอ้างว่าครอบครัวเดือดร้อน รวมทั้งขอให้กดเงินจากบัตรเครดิตให้ยืม และให้เบอร์โทรของคุณครูในโรงเรียนมาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ

ผู้เสียหายยังเปิดเผยว่า ชายรายนี้อ้างตัวเป็นหลานของผู้มีอำนาจ พร้อมแสดงภาพส่วนตัวของบุคคลระดับสูง รวมถึงปลอมไลน์ อ้างว่าเป็นของญาติผู้ใหญ่เพื่อชักจูงให้หลงเชื่อ โดยเมื่อพบกับบุคคลที่ถูกอ้างอิงจริง กลับไม่ทราบเรื่องมาก่อน ทำให้รู้ว่าถูกหลอกเช่นเดียวกับคุณครูคนอื่นๆ

ภาพจาก เฟซบุ๊ก : ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ

ข้อมูลจากเพจสายไหมต้องรอด ยังระบุด้วยว่า บัตรประชาชนที่ชายคนดังกล่าวใช้แสดงตนเป็น ม.ล. หรือหม่อมหลวงนั้นเป็นของปลอม โดยบัตรประชาชนจริงเป็นบุคคลธรรมดา ไม่มีคำนำหน้าดังกล่าว

นายเอกภพ กล่าวว่า พฤติกรรมของชายคนนี้เข้าข่ายหลอกลวงอย่างเป็นระบบ ใช้การแต่งกายและอ้างตำแหน่งทางสังคมเพื่อแสวงหาประโยชน์ หากตรวจสอบพบว่าเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่ใช้เป็นของปลอม หรือแอบอ้างสถาบัน อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่าจะประสานตำรวจในพื้นที่เพื่อเร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง และดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด

ภาพจาก เฟซบุ๊ก :ธีระวัฒน์ ประกอบบุญ

เรียบเรียงเนื้อหาโดย สยามนิวส์