กลายเป็นที่สนใจของคนในโลกออนไลน์อย่างมาก หลังจาก เฟซบุ๊ก ชูเลิศ จิตเจือจุน กรรมการสภาวิศวกร สมัยที่ 8 ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงกรณีเหตุการณ์ตึก สตง. ถล่ม โดยระบุว่า ณ ปัจจุบัน เราไม่มีความหวังที่จะพบผู้รอดชีวิตจากเหตุอาคาร สตง. ถล่มแล้ว แต่เรายังพอมีความหวัง ที่จะได้รู้ความจริง ของสาเหตุการถล่มลงมา แม้ว่าความหวังนั้น จะดูริบหรี่ ในความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ เพราะมีหลายเรื่อง หลายประเด็น ที่เหมือนมีการปิดบังอำพราง ไม่เปิดเผย ไม่ชัดเจน และเหมือนจะถ่วงเวลาให้ล่าช้าออกไป โดยไม่มีเหตุผล

ยิ่งนานวัน หลักฐานหลายอย่าง ได้ถูกทำลายทิ้งไปเรื่อยๆ และเราอาจจะพลาดสิ่งที่สำคัญไป โดยไม่สามารถย้อนกลับคืนได้ หนึ่งในประเด็นที่สำคัญมาก ๆ และมีโอกาสสูงมาก ที่อาจจะเป็นสาเหตุหลักในการถล่มลงมาของอาคาร สตง. ก็คือ "คุณภาพของคอนกรีต"

แต่ในการเก็บแท่งตัวอย่างคอนกรีต ที่หน้างาน เพื่อนำมากดทดสอบในห้องปฏิบัติการ กลับดำเนินการโดยไม่ได้ใช้หลักการ "สุ่ม" (Random) ให้มีการกระจายตัวอย่างอย่างอิสระ เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม

แต่กลับเป็นการเจาะจง "เลือก" ทดสอบในบริเวณที่มีความสมบูรณ์สูง โดยหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีสภาพไม่สมบูรณ์ เช่น บริเวณ Cold Joint หรือบริเวณที่เห็นชัดเจนว่าคอนกรีตมีสภาพไม่แข็งแกร่ง

ซึ่งปัญหานี้ผมไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร? มีใครเป็นผู้สั่งการ? หรืออาจจะเกิดจากการที่ขาดการสื่อสารไปยังผู้ปฏิบัติงาน? หรือไม่ ณ ตอนนี้ ถึงเวลาต้องชะลอความเร็วในการรื้อถอนแล้วครับ แล้วกลับมาใส่ใจ "ซาก" หลักฐาน ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ก่อนที่มันจะหายไปตลอดกาล

ขณะที่ บรรยากาศความคืบหน้าในพื้นที่ทราบว่า เมื่อวานและค่ำคืนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ไม่เจอร่างผู้สูญหายเพิ่มเติม ซึ่งอุปสรรคยังคงเป็นเรื่องของเหล็กที่อัดกันเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตำรวจพิสูจน์หลักฐานกลาง เจ้าหน้าที่กรมโยธาธิการและผังเมือง และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโครงสร้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติมในที่เกิดเหตุ

โดยเก็บตัวอย่างแท่งปูนสภาพสมบูรณ์ ที่เจาะจากเสาปูนผนังลิฟต์ และเหล็กเส้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 7.5 ซม. สูง 20 - 30 ซม. ไม่ต่ำกว่า 3 ชิ้น ทั้งหมดส่งไปตรวจสอบมาตรฐานของโครงสร้างในห้องปฏิบัติการหาค่าแรงอัดประลัย (Ultimate Strength) หากต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 500 กก. ต่อ ตร.ซม.จะถือว่าตกเกณฑ์

ส่วนการรื้อซากโครงสร้างอาคารใน และการค้นหาผู้สูญหายในวันนี้ การค้นหายังอยู่ที่ทางเชื่อมโซน D กับอาคารจอดรถ ที่คาดว่าจะมีผู้ติดค้าง