ยอมจ่ายแล้ว เปิดยอดเงินที่ ผอ.รพ. ตกลงยอมจ่ายให้ 2 ช่างภาพสื่อดัง

ยอมจ่ายแล้ว เปิดยอดเงินที่ ผอ.รพ. ตกลงยอมจ่ายให้ 2 ช่างภาพสื่อดัง

จากกรณี นายแพทย์ ซึ่งเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ ขับรถยนต์ติดสติกเกอร์กระทรวงสาธารณสุขข้างรถ เสียหลักพุ่งชนทีมข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องดังได้รับบาดเจ็บ 2 ราย เหตุเกิดหน้าร้านอาหารริมถนน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ เวลาประมาณ 22.16 น. วันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุตำรวจจับเป่าแอลกอฮอล์ได้ 119 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (2 พ.ค.68) ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ ทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลที่เป็นคนที่ขับรถยนต์คันดังกล่าวพร้อมด้วยทนายความส่วนตัวและตัวแทนได้เดินทางมาเจรจากับผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย หลังผู้บาดเจ็บได้ออกจากโรงพยาบาลชัยภูมิ และเดินทางมาให้ปากคำที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เพิ่มเติม เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้อำนวยการโรงพยาบาลคนดังกล่าวตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

ทั้ง 2 ฝ่ายได้เจรจาไกล่เกลี่ยกัน โดยมี พ.ต.ท.ธนะสิทธิ์ อุดมพรวรชัย รอง ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ เป็นพยานในการเจรจา ใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง ซึ่งทางผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าว ได้ยินยอมที่จะชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย

โดยผู้บาดเจ็บรายแรก ที่มีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลชัยภูมิ ลงความเห็นอาการว่ามีผลกระทบทางสมอง จำเหตุการณ์ไม่ได้ ส่วนผลการวินิจฉัยโรค แล้วสมองได้รับการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุดังกล่าว ทาง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าว จึงขอแสดงความรับผิดชอบขอจ่ายค่าเยียวยาให้เป็นจำนวนเงิน 280,000 บาท

และผู้บาดเจ็บรายที่ 2 ที่มีใบรับรองแพทย์จากโรงพยาบาลชัยภูมิ ลงความเห็นอาการว่ามีแผลถลอกจำนวนมากตามร่างกายบริเวณ เอวซ้าย เข่าซ้าย เข่าขวา ส่วนผลวินิจฉัยโรคกล้ามเนื้ออักเสบ จากอุบัติเหตุรถชนดังกล่าว ทา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าวได้เยียวยาเป็นเงินจำนวน 250,000 บาท เพื่อขอแสดงความรับผิดชอบในกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ในเบื้องต้นแล้ว

ซึ่งมีรายงานว่า ด้านผู้อำนวยการโรงพยาบาลดังกล่าว ได้เปิดเผยว่า ได้เดินทางมาเจรจาและจ่ายค่าเยียวยากับผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้แต่ละฝ่ายจะได้ดำเนินงานในส่วนอื่นๆต่อไป ส่วนตนเองหลังจากนี้คงจะต้องไปต่อสู้คดีอีกหลายๆอย่าง และฝากขอบคุณสื่อมวลชนในครั้งนี้ด้วย ตนเองพร้อมรับผิดชอบทางแพ่งทั้งหมด ส่วนคดีอาญาจากนี้ไป ตนเองก็ต้องขอสู้ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ