
นายอำเภอแจง เรียกเงินญาติ 50,000 เหตุรถดูงานพลิกคว่ำ ทำเสียชีวิต 19 ราย
กรณีเกิด จากอุบัติเหตุรถบัสโดยสารคณะดูงานเทศบาลตำบลพรเจริญ จ.บึงกาฬ ประสบอุบัติเหตุเสียหลักพลิกคว่ำตกข้างทาง บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 304 บริเวณ ต.บุพราหมณ์ อ.นาดี จ.ปราจีนบุรี เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารเสียชีวิต จำนวน 18 ราย และบาดเจ็บจำนวน 22 รายนั้น
วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศงานศพผู้เสียชีวิต 13 ราย ที่ตั้งศพอยู่ภายในวัดป่าวิเวกธรรมคุณ ม.8 ต.พรเจริญ อ.พรเจริญ วันนี้เป็นวันที่ 2 หลัง ยังคงมีญาติของผู้เสียชีวิตและชาวบ้านในอำเภอพรเจริญ เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจและร่วมทำบุญกับครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้ง 13 ราย ที่ตั้งศพอยู่ในวัดแห่งนี้
เช่นเดียวกับ ที่วัดป่าวิเวกพัฒนาราม บ้านเอือด ม.5 ต.พรเจริญ อ.พรเจริญ ที่ตั้งศพของผู้เสียชีวิตอีก 4 ราย โดยตลอดทั้งมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชนที่จิตศรัทธาเดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจและร่วมทำบุญบริจาคปัจจัยในการจัดการศพ ซึ่งยอดเงินร่วมทำบุญของวานนี้วันที่ 27 กุมภาพันธ์ มียอดกว่า 108,881 บาท และมีผู้มีจิตศรัทธามาร่วมทำโรงทานอาหารน้ำดื่ม รวมทั้งสิ่งของบริจาคจากห้างร้านต่าง มามอบให้อย่างต่อเนื่อง
ขณะการจัดเตรียมการทำเชิงตะกอน หรือเมรุชั่วคราว หลังวัสดุอุปกรณ์มาถึง ชาวบ้านทั้งตำบลพรเจริญ และทหารจิตอาสาจากมณฑลทหารบกที่ 29 สกลนคร ร่วมกันใช้อิฐประสาน ซึ่งเป็นวัสดุตกแต่ง ก่อง่าย ตั้งเรียงขึ้นเป็นรูป 4 เหลี่ยม โดยรองพื้นด้วยทราย และบดอัดให้แน่นก่อนขึ้นรูปร่าง ด้านในวางสังกะสีแผ่นเรียบเพื่อไว้รองรับกระดูกของผู้ตายหลังจากเผาเสร็จ โดยเชิงตะกอนชั่วคราวที่วัดแห่งนี้สร้างขึ้นจำนวน 12 กอง ใช้อิฐประสานกว่า 12,800 ก้อน เป็นเงิน 182,000 บาทรวมค่าขนส่ง ส่วนไม้ยางพาราที่ใช้เป็นฟื้นได้รับความอนุเคราะห์จากเอกชน นำมาร่วมทำบุญจำนวน 1 คันรถ เพื่อใช้เผา 12 ร่าง และอีก 1 ร่างเผาบนเมรุของวัด
ส่วนกรณีเกิดประเด็นดรามา ว่าญาติผู้เสียชีวิตถูกเรียกเก็บค่าทำศพ รายละ 50,000 บาท แถมมีญาติจ่ายเงินไปแล้วด้วย 4-5 รายนั้น นายมนตรี จารุธำรง นายอำเภอพรเจริญ ก็ออกมาแถลงชี้แจงเรื่องนี้ว่า สาเหตุเกิด จากความปรารถนาดีของญาติผู้เสียชีวิตบางราย สำหรับเงินที่กระทรวงยุติธรรมจะช่วยเหลือ ซึ่งแต่เดิมคณะกรรมการยุติธรรมจังหวัดปราจีนบุรีที่เราต้องยื่นขอ วงเงินเดิมจะไม่ถึง 2 แสน แต่เนื่องจากเป็นกรณีพิเศษ ทางกระทรวงเห็นว่าสำคัญจึงจะประชุม โดยที่พวกเราจะต้องรวบรวมเอกสารให้ครบถ้วน ซึ่งก็ทำเรียบร้อยแล้วภายในเมื่อวานนี้ โดย ประสานกับอำเภอนาดีเพื่อดำเนินการออกมรณะบัตร และทางอำเภอพรเจริญก็พิมพ์เอกสารอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ จนทุกรายได้เซ็นเอกสารครบถ้วน ส่งไปแล้ว น่าจะได้เช็ครับเงินไม่วันพรุ่งนี้ก็วันมะรืนนี้
นายมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของเงินค่าจัดการศพ แต่เดิมเงินฉุกเฉินของทางราชการ เทศบาลตำบลพรเจริญ ตั้งไว้ 200,000 บาท ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดเหตุอะไร เมื่อเกิดเหตุแล้วตามระเบียบของกระทรวงมหาดไทย สามารถช่วยเหลือเป็นค่าจัดการศพได้ ศพละ 29,700 บาท ถ้ากรณีเป็นหัวหน้าครอบครัวก็จะได้เพิ่ม 29,700 บาท แต่รวมจำนวนทั้ง 18 ราย เงินก็เกิน 200,000 บาท ทางเทศบาลจึงจำเป็นต้องหาเงินเพิ่ม ซึ่งมีวิธีทั้งใช้เงินสะสม ขั้นตอนจะเยอะหน่อย แต่ที่ง่ายสุดคือใช้อำนาจนายกเทศมนตรี โอนงบจากส่วนอื่น เข้ามาเป็นงบส่วนนี้ให้พอใช้จ่าย ซึ่งทางเทศบาลตำบลพรเจริญดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เขามาแจ้งในที่ประชุมตอนค่ำว่า เงินพอแล้ว วันนี้เอกสารครบถ้วนก็สามารถเบิกมาเป็นเงินสำรองจ่ายค่าจัดการงานศพนี้ได้ รวมทั้งกรณีที่เป็นหัวหน้าครอบครัว
ส่วนประเด็นที่มีการเรียกเก็บเงิน ประชุมกันจนได้ข้อสรุปขอยุติแล้ว สาเหตุเกิดขึ้นจากความปรารถนาดีของญาติผู้เสียชีวิตบางรายมีการประชุมกันเมื่อวานนี้ที่วัด จะมีตัวแทนของวัดและตัวแทนของญาติผู้เสียชีวิตประชุมกันภายในวัด ก็มีการคุยกันว่าค่าใช้จ่ายภายในงานยังไม่มีสำรอง โดยเฉพาะต้องสร้างเมรุ เฉพาะอิฐประสานหมื่นกว่าก้อน ก้อนละ 14 บาท ใช้เงินเฉพาะค่าอิฐ 180,000 บาท ค่าขนส่งเพิ่มเติม 2,000 บาท เป็น 182,000 บาท ซึ่งยังไม่มีเงินสำรองเลย ก็มีญาติของผู้เสียชีวิตรายหนึ่ง ท่านบอกว่า แบบนี้เรามาลงขันสำรองไว้ก่อน รายละ 30,000 บาท ซึ่งตัวเลขนี้มาจากญาติของผู้เสียชีวิต แต่มีท่านที่ไม่เห็นด้วยบอกว่า 30,000 ไม่น่าจะพอ เอา 50,000 ดีกว่า แต่คนที่ประชุมที่นี่เป็นญาติผู้เสียชีวิตก็จริง แต่อาจไม่ใช่ทายาทที่รับเงิน เพราะทายาทที่รับเงินยังติดธุระอยู่ที่อำเภอ เรื่องเตรียมเอกสารเมื่อวานนี้ ที่นี้พอมีตัวเลข 50,000 บาท ออกมาแล้ว ท่านที่ไม่ได้ร่วมประชุมก็เข้าใจผิดว่ามีใครมาเรียกรับเงินตรงนี้ไปเพื่อค่าอะไร พอเข้าใจผิดจึงเป็นที่มาของการร้องเรียน และเป็นประเด็น ซึ่งเมื่อคืนนี้ได้คุยกันเข้าใจแล้ว ตรงนี้ก็ต้องขออภัยแทนทุกฝ่ายที่การสื่อสารผิดพลาด ไม่ชัดเจนพอ เวลาสั้นมาก เรามีเวลาเตรียมการเหลือวันนี้วันเดียว พรุ่งนี้จะฌาปนกิจศพแล้ว ดังนั้นเมื่อเราคุยกันจบแล้ว วันนี้ต้องทำเมรุให้เสร็จ ทางญาติของผู้เสียชีวิตที่ไม่เข้าใจแต่ต้นก็เข้าใจแล้ว
นายมนตรี กล่าวว่า โดยบทสรุปของการประชุมคือ จะใช้เงินจากเทศบาลตำบลพรเจริญ รายละ 29,700 บาท เป็นเงินสำรองในเบื้องต้นก่อน รวมกับเงินทำบุญที่ได้มา หลังจากใช้จ่ายแล้วถ้าหากไม่พอ มีใครสำรองอะไรไปก็ค่อยมาเฉลี่ยกันในภายหลังตามที่จ่ายจริง โดยที่จะให้ญาติของ 13 ราย มาร่วมรับรู้ร่วมเป็นกรรมการกับทางกำนัน และวัดด้วย แต่ถ้าหากมีเงินทำบุญเยอะ ใช้จ่ายจนจบงานแล้วยังเหลือ ก็มอบวัดส่วนหนึ่ง และเฉลี่ยคืนกันไป แต่ขณะนี้ที่ว่าจ่าย 3 หมื่น, 5 หมื่น มีญาติที่จ่ายมาแล้ว 5 ราย ซึ่งจากการประชุมก็เห็นว่าควรจะคืนเขาไป แต่เขาไม่รับคืน เขามีเจตนาว่า เอาไว้ก่อนเถอะ เผื่อไม่พอจ่าย เผื่อมีค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้เอาตรงนี้ไปจ่าย นี่คือเจตนาดีของเขา อาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้น เพราะแต่ละคนความพร้อมไม่เท่ากัน แต่ตอนนี้เข้าใจกันดีแล้ว
นายอำเภอพรเจริญ กล่าวอีกว่า ต้องขอขอบคุณจิตอาสาจริง ๆ ตั้งแต่วันแรกกางโต๊ะ กางเตนท์ ยกโต๊ะ ยกเก้าอี้ ระดมโลงเย็น ในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง เพื่อให้พร้อมรับร่างของผู้เสียชีวิต ซึ่งในส่วนของพิธีก็มีสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดบึงกาฬมาดูแลตรงนี้ให้เรา โดยนายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย จะมาเป็นประธานทุกจุด ในวันเสาร์ที่ 1 มีนาคม จำนวน 2 วัด และอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม อีก 1 วัด
นายอำเภอพรเจริญ กล่าวว่า ตอนนี้ทางญาติเข้าใจแล้ว ไม่มีใครต้องออกเงินสำรองก่อน ไม่มีใครบังคับให้ใครต้องออก แต่มีผู้ที่เป็นห่วงว่า จะไม่มีค่าใช้จ่าย เงินใส่ซองถวายพระ เงินค่าอาหารการกินที่เลี้ยงแขก เงินที่ต้องซื้อวัสดุอุปกรณ์ในการทำเมรุชั่วคราวเหล่านี้ ในส่วนที่เขาพร้อมสนับสนุนเขาก็เอามาสำรองไว้ ซึ่งก็มีกรรมการของทางวัดดูแลอยู่ หากไม่ได้ใช้ก็จะคืนครบถ้วนตามจำนวน ถ้ามีค่าใช้จ่ายก็จะเฉลี่ยคืนเท่า ๆ กัน รวมทั้งยังมีหน่วยงานต่าง ๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือต่อเนื่อง
ในเบื้องต้น ตอนนี้จะมีประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ศพละ 500,000 บาท และประกันภัยรถภาคสมัครใจ ประเภท 3 500,000 บาท ซึ่งยอดอาจจะไม่เต็ม เนื่องจากว่า จ่ายต่ออุบัติเหตุ 1 ครั้งไม่เกิน 10 ล้านบาท (ภาคบังคับ 10 ล้านบาท, สมัครใจ 10 ล้านบาท) รวมผู้บาดเจ็บ และเสียชีวิต ก็คิดเฉลี่ยแล้วหากไม่ถึง 5 แสน ก็ 4 แสนบาทขึ้นไปต่อประเภท ทั้งประเภทสมัครใจ และประเภทภาคบังคับ (พ.ร.บ.) นอกจากนั้นก็จะมีเงินประมาณ 7 - 8 รายการ อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดตรงนี้ทั้งหมด แต่ได้ประชุมชี้แจงญาติผู้เสียชีวิตให้ทราบทั้งหมดแล้ว จึงไม่ต้องห่วงว่าจะตกหล่นเรื่องสิทธิประโยชน์ใด ๆ และยังมีสภาทนายความมาช่วยเหลือติดตามปกป้องสิทธิในคดีอีกส่วนหนึ่งด้วย
สำหรับรถคันที่เกิดเหตุมีประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และประกันภัยภาคสมัครใจ ประเภท 3 ส่วนที่ว่าไม่มีประกันอุบัติเหตุหมู่ หรือประกันการเดินทาง ซึ่งโดยปกติเวลาใช้บริการของบริษัททัวร์มักจะทำ แต่คราวนี้อาจจะเป็นด้วยความฉุกละหุก ซึ่งอาจจะเป็นข้อผิดพลาด แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วเราก็ไม่ควรละเลย แต่ในระเบียบที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้บังคับว่าต้องทำ แต่เป็นเรื่องที่ควรทำ ก็ถือว่าเป็นบทเรียนครั้งสำคัญ ถ้าใครจะจัดกิจกรรมอะไรลักษณะนี้ ก็ควรจะทำตรงนี้ให้ครอบคลุมด้วย เพื่อจะเพิ่มสิทธิประโยชน์เข้าไป ประกันความเสี่ยงเข้าไปอีก ตรงนี้มีญาติผู้ป่วยก็ถามเข้ามาอยู่เช่นกัน