เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตำรวจจับกุมตัว บุตรสาวของนางเรวดี หรือเจ๊เล็ก อดีตรองนายกเทศมนตรีจันดี บุคคลในครอบครัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้องรับผลประโยชน์ ตามหมายจับของศาลจังหวัดทุ่งสงที่ 155/2567 ลงวันที่ 8 พฤษภาคม 2567 จับกุมตัวได้ที่ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร

สืบเนื่องจากเมื่อ 29 มีนาคม เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ตำรวจสืบสวน ภ.8 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เจ้าหน้าที่ กสทช. เข้าปูพรมตรวจค้นเป้าหมาย 4 จุด ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนรายใหญ่ ที่ลักลอบตั้งฐานแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกคนไทย ชาวจีน ชาวรัสเชีย และชาวญี่ปุ่น

โดยครั้งนั้นจับกุมขบวนการชาวจีน และผู้ร่วมขบวนการทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวม 90 คน พร้อมยึดของกลาง

คอมพิวเตอร์ 192 เครื่อง

มือถือและซิมผี 854 เครื่อง

Router กระจายสัญญาณ 22 เครื่อง

บัญชีม้า 342 เล่ม

จากการขยายผลพบความเชื่อมโยงว่าขบวนการดังกล่าวมี นางสาวเรวดี หรือเจ๊เล็ก อดีตรองนายกเทศมนตรีจันดี เป็นเจ้าของสถานที่กลุ่มคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนมาใช้ปฎิบัติการ และได้ผลประโยชน์จากการเช่าอาศัย

จากการสืบสวนพบว่า บุตรสาวของเจ๊เล็ก เป็นผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดทุ่งสง ได้หลบหนีจากพื้นที่ตำบลจันดี อำเภอฉวาง จังหวัดนครศรีธรรมราช มาพร้อมกับสามีซึ่งเป็นชาวจีน โดยได้มาเช่าอาคารพาณิชย์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร เพื่อขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งเป็นสินค้าที่นำเข้าจากประเทศจีน พร้อมลูกน้องชาวไทยอีกบางส่วน

จากการสืบสวนเชื่อว่า นางสาวเรวดี ซึ่งเป็นมารดาเคยดำรงตำแหน่ง อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลจันดี พร้อมนายหลิน สามีซึ่งเป็นชาวจีน และถูกศาลอนุมัติหมายจับในความผิดเกี่ยวกับคดีคอลเซนเตอร์ทั้ง 2 คน

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงลงพื้นที่ สืบสวนตรวจสอบทราบว่า บุตรสาวเจ็เล็กเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับมาบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไปดักชุ่มอยู่บริเวณหน้าบ้านหลัง

จนกระทั่งบุตรสาวเจ๊เล็ก ผู้ต้องหาตามหมาย ลงรถมาจับยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงหมายจับเข้าจับกุมตัว พร้อมโทรศัพท์มือถือ

เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบมือถือพบว่า มีการพูดคุยกับเจ๊เล็ก ผ่านทางไลน์ ไม่มีเบอร์โทรติดต่อในมือถือ และหลบหนีอยู่ในประเทศไทย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเฝ้าติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีทั้งหมดมาดำเนินคดี

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น, ร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันเป็นอั้งยี่ ,ร่วมกันเป็นซ่องโจร และร่วมกันมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ จึงควบคุมตัวนำส่ง พนักงานสอบสวน กก.3 บก.สอท.5 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป