ครม.ไฟเขียว ซื้อแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก แจก ม.ปลาย

ครม.ไฟเขียว ซื้อแท็บเล็ต โน้ตบุ๊ก แจก ม.ปลาย

เมื่อวันที่ 28 มกราคม นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าที่ประชุม ครม.เห็นชอบ ตามที่ ศธ.เสนอโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอ (The Digital Skill/Credit Portfolio : Empowering Educations) โดยอนุมัติงบประมาณ 4,214,738,090 บาท และโครงการจัดหาอุปกรณ์การเรียนการสอนเพื่อส่งเสริมสนับสนุนการเรียนรู้ทุกที่ ทุกเวลา หรือ Anywhere Anytime งบประมาณ ระยะที่ 2 ปี งบผูกพันตั้งแต่ปี 2569-2574 จำนวน 29,765,253,600 บาทของ ศธ. “การเห็นชอบครั้งนี้เป็นการอนุมัติงบประมาณต่อเนื่อง และงบประมาณผูกพันสำหรับการแจกอุปกรณ์เสริมการสอนของนักเรียนและครู ไม่ว่าจะเป็นแท็บเล็ต แล็บท็อป โน้ตบุ๊ก หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ในรูปแบบเช่าใช้งาน พร้อมสัญญานอินเตอร์เน็ตคุณภาพสูง โดยในปี 2568 ได้ขอจัดสรรเครื่องอุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่นักเรียน จำนวนกว่า 6 แสนคน ในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 ในกลุ่มโรงเรียนคุณภาพชุมชนและโรงเรียนขยายโอกาส ส่วนในปี 2569 ได้ขอจัดสรรงบประมาณไปจำนวน 2.9 หมื่นล้านบาท สำหรับนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายที่เหลือทั้งหมด ประมาณ 1.2 ล้านคน ซึ่งในงบประมาณของปี 2569 จะขยายผลไปยังนักเรียนชั้นมัธยมต้นในโรงเรียนคุณภาพอีกด้วย”

นายสุรศักดิ์กล่าว นายสุรศักดิ์กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอนั้น ถือเป็นโครงการใหม่ที่ ศธ.จัดทำขึ้นในปีงบประมาณ 2569 โดยมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) เป็นหน่วยงานรับผิดชอบหลักในการดำเนินงาน ซึ่งเครดิตพอร์ตโฟลิโอจะนำมาใช้กับผู้เรียนของ ศธ.ทุกสังกัด โดยจะเป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลบันทึกประวัติการเรียนของเด็กตั้งแต่เริ่มเข้าสู่ระบบการศึกษาภาคบังคับ ไปจนถึงจบการศึกษาว่าเด็กแต่ละคนได้เรียนรู้อะไรบ้าง ทั้งวิชาการและวิชาชีพ หรือขาดทักษะในด้านไหน หรือมีจุดเด่น จุดด้อยทางสมรรถนะการเรียนรู้อย่างไร

“ที่สำคัญระบบดังกล่าวจะมีการจัดทำแผนที่สถานศึกษา หรือ School mapping ทำหน้าที่คล้ายครูแนะแนวชี้นำเป็นเข็มทิศด้านการเรียนรู้ให้แก่เด็ก โดยชี้นำจากสิ่งที่เด็กต้องการจะเป็นและวิเคราะห์ว่าเด็กยังขาดความรู้ด้านไหนอยู่บ้าง ซึ่งความรู้ที่ขาดก็จะเชื่อมโยงไปเรียนได้ในแพลตฟอร์มของโครงการ Anywhere Anytime อีกด้วย ทั้งนี้โครงการนี้จะเกิดประโยชน์กับสถานประกอบการในการค้นหาผู้เรียน เพื่อป้อนเข้าสู่ตลาดแรงงานด้วย เพราะอนาคตผู้เรียนไม่จำเป็นต้องจบตามวุฒิการศึกษาแต่หากมีทักษะที่ตรงกับสถานประกอบการก็สามารถมีการจ้างงานได้ และสามารถนำมาเชื่อมโยงกับระบบธนาคารหน่วยกิตด้วยเช่นกัน” นายสุรศักดิ์ กล่าว นายสุรศักดิ์กล่าวต่อว่า การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นพลิกโฉมการศึกษาไทยอย่างชัดเจน

และสอดคล้องนโยบายเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาของ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. และนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในเรื่องการสร้างทุนมนุษย์ การเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยมุ่งเน้นการใช้เทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนการศึกษา และที่สำคัญโครงการส่งเสริมการศึกษาเท่าเทียมด้วยระบบดิจิทัลพัฒนาทักษะและเครดิตพอร์ตโฟลิโอนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของการจ้างทำแฟ้มสะสมผลงาน รวมถึงการเรียนกวดวิชาอีกด้วย

:: ร่วมแสดงความคิดเห็นกับสิ่งนี้

:: เนื้อหาข่าวที่น่าสนใจ