
เสี่ยเจ้าของเต็นท์รถมือสอง ร้องสายไหมต้องรอด ถูกพนง.กรมชล บอกให้ไปดูรถพอจ่ายมัดจำ 15% ถึงวันรับรถก็เลื่อนมาเรื่อยๆ เบื้องต้นตรวจสอบพบมีผู้เสียหายจำนวนมาก
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่สำนักงานสายไหมต้องรอด เขตสายไหม นายไพรฑูลย์ มาบภา อายุ 49 ปี เจ้าของเต็นท์รถแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ได้เดินทางเข้าพบกับ นายนิรันดร์ เกแง้ว ผู้ร่วมก่อตั้งสายไหมต้องรอด เพื่อขอความช่วยเหลือ หลังถูกบุคคลที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน สามเสน หลอกขายรถปลดประจำการ โดยนายไพรฑูลย์โอนเงินมัดจำไปแล้วกว่า 200,000 บาท แต่ไม่ได้รับรถตามที่ตกลง สุดท้ายพบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นตกเป็นเหยื่อในลักษณะเดียวกัน
นายไพรฑูลย์เล่าว่า ตนเปิดเต็นท์รถมานานหลายปี และเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2567 มีคนรู้จักมาชักชวนว่า กรมชลประทานมีรถปลดประจำการจะขาย หากสนใจจะพาไปดู ตนจึงตัดสินใจไปตรวจสอบที่กรมชลประทาน โดยมีบุคคล 3 คน ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ พร้อมป้ายห้อยคอ พาชมรถและนำกุญแจมาให้ทดลองขับ ซึ่งรถที่นำมาเสนอขายมีทั้งรถตู้ 2 คัน, รถกระบะ 4 ประตู 1 คัน และรถ SUV 2 คัน สภาพรถยังใช้งานได้ดี
หลังจากตกลงราคาที่เหมารวม 5 คัน เป็นเงิน 800,000 บาท ตนได้ทำสัญญาผ่านโทรศัพท์มือถือและพิมพ์เอกสารออกมาเซ็น โดยทางเจ้าหน้าที่ระบุว่าต้องจ่ายเงินมัดจำ 15% หรือ 135,000 บาท ตนจึงโอนเงินไปยังบัญชีชื่อ นายวสันต์ พร้อมนัดรับรถในอีกหนึ่งเดือนถัดไป
ต่อมา วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 มีการติดต่อเข้ามาอีกครั้งว่า มีรถปลดประจำการเพิ่มเติมอีก 2 คัน เป็นรถตู้ 1 คัน และรถ SUV อีก 1 คัน ตนจึงตกลงซื้อเพิ่มและโอนเงินมัดจำ 15% เป็นจำนวน 72,000 บาท ครั้งนี้โอนเข้าบัญชีชื่อ นางสาวศุภางค์ โดยตนไม่ได้เอะใจถึงความผิดปกติ
เมื่อถึงกำหนดรับรถ ทางเจ้าหน้าที่อ้างว่ายังไม่สามารถส่งมอบได้ เนื่องจากงบประมาณยังไม่มาถึง และเลื่อนนัดไปอีก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้รับรถเช่นกัน ตนจึงเริ่มสงสัยและสอบถามเพื่อนในวงการเต็นท์รถ พบว่ามีคนถูกหลอกลักษณะเดียวกัน สูญเงินถึง 2 ล้านบาท และได้แจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง
หลังจากนั้น นายไพรฑูลย์ได้เข้าแจ้งความที่ สน.สามเสน แต่เมื่อสอบถามไปยังกรมชลประทาน กลับได้รับคำตอบว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องภายใน ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยขอเวลาตรวจสอบก่อน
ตนกลับไปที่กรมชลประทานสามเสนอีกครั้ง แต่ไม่พบตัวบุคคลที่พาไปดูรถ ขณะที่รถที่อ้างว่าปลดประจำการยังคงใช้งานอยู่เหมือนเดิม ทุกวันนี้ผมยังติดต่อคนกลุ่มนี้ได้ พวกเขาบอกว่าจะคืนเงิน แต่ยังไม่มีอะไรคืบหน้า นายไพรฑูลย์กล่าว พร้อมเผยว่า ขณะนี้รวบรวมผู้เสียหายได้แล้ว 4 ราย และเชื่อว่ามีอีกหลายคนที่ยังไม่ได้แจ้งความ
ด้านนายนิรันดร์ เกแง้ว ระบุว่า สายไหมต้องรอดจะประสานงานไปยังสถานีตำรวจทั้ง สน.สามเสน และ สภ.บางบัวทอง เพื่อติดตามความคืบหน้า เพราะผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้ยังคงกระทำการต่อเนื่อง พร้อมฝากเตือนประชาชนและผู้ประกอบการเต็นท์รถ ให้ตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนทำการซื้อขาย เนื่องจากมิจฉาชีพในปัจจุบันมีวิธีการหลอกลวงหลากหลายรูปแบบ
ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน