วันที่ 11 ธ.ค. 2568 รัฐบาลกัมพูชาส่งหนังสือถึงประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council) เรียกร้องให้เข้ามา แทรกแซงอย่างเร่งด่วน ต่อเหตุที่เรียกว่าเป็น การโจมตีด้วยอาวุธอย่างไม่ยั่วยุและทวีความรุนแรง จากกองกำลังไทยตามแนวชายแดนหลายจังหวัด
โดย นายแก้ว เจีย ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ระบุว่าไทยละเมิดกฎบัตรสหประชาชาติ กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ รวมถึงข้อตกลงหยุดยิงและสันติภาพที่ลงนามร่วมกัน โดยได้เปิดปฏิบัติการข้ามแดนเข้าสู่เขตกัมพูชา
โดยในหนังสือที่ส่งถึงประธาน UNSC กัมพูชากล่าวหาว่า ช่วงหลายวันที่ผ่านมา เกิดการปะทะหนักในจังหวัดพระวิหาร และอุดรมีชัย โดยไทยถูกกล่าวหาว่าใช้ รถถัง ปืนใหญ่ โดรน เครื่องบินรบ และควันพิษ โจมตีล้ำเข้าไปในฝั่งกัมพูชา และขยายไปถึงพื้นที่พลเรือนในบันเตียเมียนเจย ก่อนลุกลามถึงพระตะบองและโพธิสัตว์ในวันที่ 10 ธ.ค.
หนังสือยังระบุว่า การยิงโจมตีทำให้ มีประชาชนเสียชีวิต บาดเจ็บ บ้านเรือนเสียหาย โครงสร้างสาธารณะถูกทำลาย รวมถึงพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร มรดกโลกของยูเนสโก
ผู้แทนกัมพูชาประจำสหประชาชาติ ระบุว่า กัมพูชาได้ใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุด โดยไม่ยิงตอบโต้เป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเคารพข้อตกลงหยุดยิงเมื่อ 28 ก.ค. และ ข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ ที่ลงนามเมื่อ 26 ต.ค. พร้อมย้ำว่า กัมพูชายังคงยึดแนวทางสันติ แต่สงวนสิทธิป้องกันตนเอง ภายใต้มาตรา 51 ของกฎบัตรยูเอ็น
ในหนังสือได้เรียกร้องขอ UNSC ดำเนินการทันทีในการประณามการกระทำของไทย พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติการทหารทันที และออกข้อบังคับให้ไทยเคารพกฎหมายมนุษยธรรม พร้อมส่งคณะสอบสวนอิสระของยูเอ็น ลงพื้นที่ตรวจข้อเท็จจริง
ท้ายหนังสือยัง ระบุอีกว่า การกระทำของไทยไม่ใช่เพียงโจมตีกัมพูชา แต่เป็นการท้าทายต่อกฎหมายระหว่างประเทศ และต่ออำนาจของคณะมนตรีความมั่นคง พร้อมเตือนว่าความน่าเชื่อถือของยูเอ็นกำลังถูกทดสอบ
ข้อมูล The Phnom Penh Post