เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ทางสำนักข่าว Korea Times รายงานว่ารัฐบาลเกาหลีใต้เตรียมเดินหน้ามาตรการคว่ำบาตรทางการเงินครั้งใหญ่ ต่อธุรกิจที่มีความเชื่อมโยงกับเครือข่ายอาชญากรรมในกัมพูชา ซึ่งถูกกล่าวหาว่าดำเนินการค้ามนุษย์และหลอกลวงทางไซเบอร์ หลังมีชาวเกาหลีใต้ตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยมาตรการดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานข่าวกรองทางการเงิน (FIU) ภายใต้คณะกรรมการบริการทางการเงิน โดยมีแนวโน้มว่าจะมีการประกาศยืนยันภายในสิ้นเดือนนี้ ถือเป็นท่าทีตอบโต้ที่รุนแรงที่สุดของกรุงโซลในรอบหลายปี ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ว่ารัฐบาลดำเนินการล่าช้าเกินไป

ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ FIU การพิจารณาครั้งนี้มุ่งไปที่การกำหนดให้ผู้ต้องสงสัยและบริษัทเครือข่ายในกัมพูชาเป็น นิติบุคคลที่ถูกจำกัด ซึ่งจะนำไปสู่การอายัดทรัพย์สิน และระงับธุรกรรมทางการเงินทุกช่องทาง รวมถึงสกุลเงินดิจิทัล

เจ้าหน้าที่รายหนึ่งเปิดเผยว่า หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องได้หารือร่วมกันถึงแนวทางในการจำแนกลักษณะองค์กรอาชญากรรม และกำหนดวิธีตอบสนองต่อกลุ่มเหล่านี้อย่างเป็นระบบ

การเคลื่อนไหวของเกาหลีใต้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งสัปดาห์ หลังสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรประกาศคว่ำบาตร Prince Group และ Huione Group ซึ่งเป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ในกัมพูชา ฐานเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์ การฟอกเงินและการฉ้อโกงทางไซเบอร์ขนาดใหญ่

กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้จัดให้ Prince Group เป็น องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมตั้งข้อหาฉ้อโกงทางการเงินและฟอกเงินต่อ เฉิน จื้อ ประธานและซีอีโอชาวจีน ขณะที่ Huione Group ถูกตัดออกจากระบบการเงินของสหรัฐฯ เช่นกัน

โดยช่วง เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา นาย ยู แจ-ซอง รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติเกาหลีใต้ เปิดเผยว่าตำรวจกำลังตรวจสอบข้อกล่าวหาที่อาจเชื่อมโยงกับบริษัทในเครือของ Prince Group ภายในประเทศ เพื่อพิจารณาเปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการ

หากรัฐบาลโซลอนุมัติการคว่ำบาตรทางการเงินจริง จะถือเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญจากแนวทางการทูตสู่การใช้มาตรการแข็งกร้าว ขณะเดียวกัน FIU ยังมีแผนขยายการตรวจสอบเส้นทางการฟอกเงินผ่านสกุลเงินดิจิทัลในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสิ้นปีนี้