วันที่ 2 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน ว่า ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เปิดเผยถึงความกังวล หลังเกิดปัญหาไฟฟ้าดับที่กระทบต่อ โครงสร้างกักเก็บแกนปฏิกรณ์ ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล รวมถึงเครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลฉุกเฉิน 2 เครื่องที่ใช้หล่อเลี้ยงระบบความปลอดภัย

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 8 วันหลังจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ซาโปริซเซีย ทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งรัสเซียเข้ายึดครอง ประสบปัญหาไฟฟ้าดับเช่นกัน โดยทางการยูเครนระบุว่าสถานการณ์ครั้งนี้ถือว่า อยู่ในภาวะวิกฤติ ขณะที่ฝั่งรัสเซียยืนยันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ได้

ทางด้าน ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี กล่าวผ่านเฟซบุ๊กว่า การโจมตีของรัสเซียต่อสถานีไฟฟ้าย่อยในเมืองสลาวูทิช เป็นสาเหตุที่ทำให้โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลเดิมต้องเผชิญไฟฟ้าดับนานกว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลกระทบต่อทั้งโรงไฟฟ้าและโครงสร้างกักเก็บเพื่อความปลอดภัยแห่งใหม่ (New Safe Confinement NSC)

เขายังกล่าวหารัสเซียว่าเป็น ภัยคุกคามร้ายแรงต่อความมั่นคงของโลก พร้อมเรียกร้องให้ประชาคมนานาชาติออกมาตรการตอบโต้ที่เข้มงวดมากขึ้น

ด้าน IAEA ระบุว่า โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลถูกตัดการเชื่อมต่อจากสถานีไฟฟ้าย่อยในเมืองสลาวูทิชจริง แต่ได้มีการเปลี่ยนไปใช้สายส่งไฟฟ้าอีกเส้นอย่างรวดเร็ว ทำให้กลับมาใช้ไฟฟ้าได้ตามปกติ

ในช่วงไฟดับ เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลฉุกเฉินทั้งสองเครื่อง ได้ทำงานเพื่อรักษากระแสไฟฟ้าในระบบ NSC เอาไว้ แต่ IAEA ย้ำว่าเหตุการณ์ลักษณะนี้ยังคงเป็น สัญญาณเตือนถึงความเปราะบางของความปลอดภัยนิวเคลียร์ในยูเครน