เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศรัสเซีย กล่าวในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ณ นครนิวยอร์ก ว่ารัสเซียไม่มีความตั้งใจจะโจมตีชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) หรือนาโต แต่เตือนว่าจะตอบโต้อย่างเด็ดขาด หากมีการแสดงความก้าวร้าวใดๆ ต่อรัสเซีย

นายลาฟรอฟกล่าวเพิ่มเติมว่า การข่มขู่จากชาติตะวันตกต่อรัสเซียเริ่มกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น หลังเกิดเหตุโดรนรุกล้ำน่านฟ้าในหลายชาติสมาชิกนาโต โดยล่าสุดเกิดขึ้นที่เดนมาร์ก ซึ่งรัฐบาลเดนมาร์กเชื่อว่าเป็นฝีมือของมืออาชีพ แต่ยังไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงรัสเซียโดยตรง

ในด้านความสัมพันธ์กับอิสราเอล นายลาฟรอฟ ระบุว่า แม้รัสเซียจะประณามการโจมตีของกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา แต่ไม่มีเหตุผลสมควรสำหรับการสังหารหมู่ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา หรือสำหรับแผนผนวกดินแดนเวสต์แบงก์ เขายังประณามความก้าวร้าวของอิสราเอลที่มีต่อประเทศอื่นๆ ในตะวันออกกลาง โดยกล่าวว่าอิสราเอลใช้ปฏิบัติการกำจัดกลุ่มฮามาสเป็นเหตุผลโจมตีทางอากาศประเทศอื่น เช่น กาตาร์

สำหรับอิหร่าน นายลาฟรอฟ กล่าวหาชาติมหาอำนาจตะวันตกว่า บ่อนทำลายทางการทูต หลังจากความพยายามในนาทีสุดท้ายที่นำโดยรัสเซียและจีนเพื่อชะลอการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรขององค์การสหประชาชาติถูกปฏิเสธเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยมาตรการคว่ำบาตรจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเวลา 0.00 น. ณ วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568

ในเรื่องความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกา นายลาฟรอฟ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐชุดปัจจุบันแสดงความต้องการไม่เพียงแต่มีส่วนร่วมแก้วิกฤตยูเครนอย่างจริงจัง แต่ยังต้องการพัฒนาความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมโดยไม่ใช้จุดยืนทางอุดมการณ์ครอบงำ

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เปลี่ยนจุดยืนเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน โดยกล่าวว่ายูเครนสามารถชิงคืนดินแดนที่เสียให้รัสเซียกลับมาได้ทั้งหมด และโจมตีรัสเซียว่าเป็นเสือกระดาษ