วันที่ 5 กันยายน 2568 สื่อสำนักงานข่าวต่างประเทศ The guarduian นักวิทยาศาสตร์จาก British Antarctic Survey (BAS) เปิดเผยว่า ภูเขาน้ำแข็ง A23a ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาน้ำแข็งที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุด น้ำหนักเกือบ 1 ล้านล้านตัน มีพื้นที่กว้างถึง 3,672 ตารางกิโลเมตร (มีขนาดใหญ่กว่ามหานครลอนดอนถึงสองเท่า)
กำลังแตกตัวเป็นหลายก้อน และอาจหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หลังลอยตัวอยู่ได้นานเกือบ 40 ปีนับตั้งแต่แยกตัวออกจากทวีปแอนตาร์กติกา
ปัจจุบัน A23a มีพื้นที่เหลือเพียง 1,770 ตารางกิโลเมตร กว้างสุดราว 60 กิโลเมตร จากการวิเคราะห์ภาพถ่ายดาวเทียมของโครงการเฝ้าติดตามโลก Copernicus ของสหภาพยุโรป โดยลดลงกว่าครึ่งจากขนาดดั้งเดิม
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ก้อนน้ำแข็งย่อยขนาดใหญ่ราว 400 ตารางกิโลเมตรได้แตกออก ขณะที่เศษชิ้นเล็กๆ อีกจำนวนมากซึ่งยังใหญ่พอจะเป็นอันตรายต่อเรือก็เกลื่อนอยู่รอบๆ
ขณะที่ แอนดรูว์ ไมเยอร์ส นักสมุทรศาสตร์จาก BAS เผยว่า ภูเขาน้ำแข็งกำลังแตกตัวอย่างรวดเร็ว มันกำลังจะสิ้นสภาพอย่างชัดเจน น้ำทะเลที่นี่อุ่นเกินไป มันละลายอยู่ตลอดเวลา พร้อมคาดว่ามันจะดำเนินต่อไปอีกไม่กี่สัปดาห์ และในที่สุดก็จะไม่เหลือรูปร่างที่สามารถระบุตัวตนได้
ไมเยอร์สอธิบายว่า เส้นทางของ A23a คล้ายกับ เมกะเบิร์ก (megaberg) ลูกอื่นๆ เช่น A68 และ A76 ที่แตกตัวรอบเกาะเซาท์จอร์เจียในอดีต เพียงแต่ A23a อยู่รอดเป็นก้อนเดียวได้นานกว่า
อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่า ในที่สุดภูเขาน้ำแข็งทุกก้อนก็ ถูกกำหนดชะตา ให้แตกสลายเมื่อหลุดจากน้ำเยือกแข็งรอบแอนตาร์กติกา
ทั้งนี้ แม้การแตกตัวของภูเขาน้ำแข็งจะเป็นกระบวนการทางธรรมชาติ แต่นักวิทยาศาสตร์เตือนว่าอัตราการสูญเสียภูเขาน้ำแข็งจากแอนตาร์กติกากำลังเพิ่มขึ้น โดยน่าจะมีสาเหตุมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์ ซึ่งอาจนำไปสู่ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นอย่างรุนแรงในอนาคต