เหตุการณ์สุดช็อกในห้องเก็บอวัยวะกำลังเป็นประเด็นใหญ่ ทำให้เกิดคำถามมากมายเรื่องการวินิจฉัย ภาวะสมองหยุดทำงานและจริยธรรมทางการแพทย์ เมื่อชายหนุ่มคนหนึ่งที่หมอบอกว่า สมองหยุดทำงานกลับฟื้นคืนสติขึ้นมาได้ในนาทีสุดท้าย ขณะที่ทีมแพทย์กำลังจะเริ่มเก็บอวัยวะเพื่อนำอวัยวะไปบริจาค

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เรื่องราวที่สร้างความตกใจทั่วโลกและเป็นที่พูดถึงในวงการแพทย์นี้ เกิดขึ้นกับ นายทีเจ ฮูเวอร์ วัย 33 ปี เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2564 หลังจากนั้นไม่นาน ทีมแพทย์ก็วินิจฉัยว่าเขามีภาวะสมองหยุดทำงาน ตามปกติแล้วก็จะนำไปสู่ขั้นตอนการบริจาคอวัยวะ หากผู้ป่วยหรือญาติได้แจ้งความประสงค์ไว้

ในวันที่กำหนดเก็บอวัยวะ ระหว่างที่ทีมแพทย์กำลังเตรียมเครื่องมือในห้องเก็บอวัยวะ ก็เกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น นายทีเจ ฮูเวอร์ ที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัด ได้ลืมตาขึ้นมา และจ้องมองไปที่ทีมแพทย์ จากนั้นเขาก็ส่ายหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณว่าเขายังมีสติและไม่ได้เสียชีวิต พอเห็นปฏิกิริยาของผู้ป่วย ทีมแพทย์ก็หยุดกระบวนการทั้งหมดทันที การเก็บอวัยวะจึงต้องยกเลิกไป และนายทีเจ ฮูเวอร์ ได้รับการรักษาต่อจนรอดชีวิตมาได้

การที่นายฮูเวอร์ฟื้นขึ้นมา สร้างคำถามและข้อถกเถียงอย่างมากเกี่ยวกับความถูกต้องและความแม่นยำของการวินิจฉัย ภาวะสมองหยุดทำงาน ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการบอกว่าคนไข้เสียชีวิตแล้ว เพื่อให้บริจาคอวัยวะได้

ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในวงการแพทย์ต่างกังวลว่า เหตุการณ์แบบนี้อาจแสดงให้เห็นถึงช่องโหว่ในมาตรฐานการวินิจฉัย หรืออาจเป็นความผิดพลาดที่เกิดขึ้นได้ในกระบวนการที่ซับซ้อนนี้
ที่มา @ladonna rhorer
เรียบเรียง สยามนิวส์