แม่พลทหารวุ่น หลั่งน้ำตา เผยลูกพร้อมพลีชีพเพื่อชาติ สัญญาจะเข้มแข็ง ด้านน้องสาว ขอเป็นทหารสานฝันต่อให้พี่ชาย
ข่าวสังคม - โซเชียล

แม่พลทหารวุ่น หลั่งน้ำตา เผยลูกพร้อมพลีชีพเพื่อชาติ สัญญาจะเข้มแข็ง ด้านน้องสาว ขอเป็นทหารสานฝันต่อให้พี่ชาย

จากเหตุปะทะบริเวณสมรภูมิเนิน 350 ใกล้ปราสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ที่ผ่านมา กองทัพไทยต้องสูญเสียกำลังพลเพิ่มอีก 2 นาย ได้แก่ จ่าสิบเอกเริง คลังประโคน และ พลทหารภานุพัฒน์ เสาร์สา หรือ วุ่น สังกัดกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 23 (ร.23 พัน.3) โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถพบบริเวณร่างของทหารทั้งสองนายแล้ว อยู่ระหว่างดำเนินการนำร่างออกจากพื้นที่การปะทะ ซึ่งยังคงเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยและต้องเฝ้าระวังความปลอดภัยอย่างเข้มงวด

ล่าสุด วันที่ 19 ธ.ค. 2568 นายอนุรัตน์ ธรรมประจำจิต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อให้กำลังใจครอบครัวของพลทหารภานุพัฒน์ ซึ่งเป็นชาวอำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ หนึ่งใน 3 อำเภอพื้นที่สีแดง ที่จังหวัดประกาศให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่อย่างเร่งด่วน ปัจจุบันครอบครัวของพลทหารภานุพัฒน์ได้อพยพมาอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราวแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอวังหิน โดยมีหน่วยงานภาครัฐดูแลอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ ภายหลัง นางพิชญ์สินี เสาร์สา อายุ 41 ปี มารดาของพลทหารภานุพัฒน์ ทราบข่าวการเสียชีวิตของบุตรชาย ได้เกิดอาการช็อก ล้มทรุด และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลทันที แพทย์ระบุว่า ผู้เป็นแม่มีอาการอ่อนเพลีย ความเครียดสะสม และภาวะซึมเศร้า จำเป็นต้องพักรักษาตัวอย่างใกล้ชิด

ท่ามกลางบรรยากาศโศกเศร้าเสียใจ นางพิชญ์สินี ได้กล่าวทั้งน้ำตากับผู้ว่าราชการจังหวัดว่า เคยสัญญากับลูกชายไว้แล้วว่า หากวันหนึ่งลูกต้องทำหน้าที่เพื่อชาติ หรือ แม้ต้องสละชีพ แม่จะต้องเข้มแข็ง ดูแลตัวเอง กินข้าว กินยา และพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ร้องไห้ให้ใครเห็น เพราะไม่อยากให้ลูกเป็นห่วง ทางผู้ว่าฯ ได้กุมมือผู้เป็นแม่ พูดคุยปลอบขวัญอย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับทีมแพทย์และพยาบาลให้เฝ้าระวังอาการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสภาพจิตใจ ยังอยู่ในภาวะเปราะบางอย่างมาก

ขณะที่ น.ส.สุชาวดี อินทวงศ์ อายุ 15 ปี น้องสาวของพลทหารภานุพัฒน์ เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า ครอบครัวติดตามสถานการณ์ชายแดนอย่างใกล้ชิด และเมื่อทราบว่า พบร่างของพี่ชายแล้ว รู้สึกโล่งใจขึ้น แม้จะยังเต็มไปด้วยความเศร้า โดยเฉพาะคุณแม่ที่หลังทราบข่าว สีหน้าดูดีขึ้นราวกับมีความหวังและแสงสว่างกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ครอบครัวยังคงอยากให้สามารถนำร่างของพี่ชายกลับมาได้โดยเร็ว เพราะหากต้องรออย่างไม่มีกำหนด อาการป่วยของแม่อาจทรุดลงอีก

นอกจากนี้ น.ส.สุชาวดี ยังฝากให้กำลังใจทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่แนวหน้า ขอให้ปลอดภัย และอย่าเครียดจนเกินไป พร้อมภาวนาให้สถานการณ์ความขัดแย้งยุติโดยเร็ว เพื่อให้ทุกครอบครัวได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุข และได้ฉลองเทศกาลปีใหม่ร่วมกัน

พร้อมกันนี้ น้องสาวของพลทหารภานุพัฒน์ ยังกล่าวด้วยความมุ่งมั่นว่า ตนตั้งใจจะสานฝันของพี่ชายต่อไป ด้วยการสมัครเข้ารับราชการทหาร เนื่องจากพี่ชายเคยมีความฝันอยากเป็นนายสิบ แม้วันนี้จะไม่สามารถกลับมาทำตามความฝันได้แล้ว แต่ตนจะขอเดินตามเส้นทางนั้นแทน เพื่อสืบทอดอุดมการณ์และความเสียสละของพี่ชาย ผู้ยอมพลีชีพเพื่อชาติและแผ่นดินไทย

ผู้สื่อข่าวจังหวัดศรีสะเกษ รายงาน