วันที่ 11 ธ.ค. 2568 ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ พร้อมด้วย ต๊ะ ติ๊งโหน่ง (ตลกบ้าหมา) ได้นำตัว ปูร์ รำมะนา ศิลปินนักร้องลูกทุ่งและนักแสดงตัวประกอบละครจักรๆ วงศ์ๆ ซึ่งกำลังป่วยเป็นโรคมะเร็งระยะสุดท้าย เข้ายื่นเรื่องร้องขอความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามเป็นการด่วน หลังตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพแก๊งสแกมเมอร์ จนต้องสูญเสียเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่ตั้งใจไว้เป็นค่ารักษาพยาบาลอาการป่วยโรคมะเร็ง

ปูร์ รำมะนา เปิดเผยว่า ตนถูกมิจฉาชีพหลอกลวงผ่านทางเฟซบุ๊กที่โพสต์ชักชวนให้สมัครรับงาน แพ็คของทำงานที่บ้าน โดยอ้างว่าเป็นการหางานเสริมเพื่อสร้างรายได้ในช่วงที่ตนต้องเข้าออกโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการป่วยโรคมะเร็งและฉายแสงอยู่บ่อยครั้ง แต่หลังจากลงทะเบียนสมัครแล้ว ยังไม่ทันได้เริ่มทำงานที่บ้าน กลับถูกหลอกให้โอนเงินเพื่อทำกิจกรรมหลายรอบ โดยมิจฉาชีพใช้กลลวงด้วยการจ่ายเงินปันผลคืนมาจริงในการโอนเงินรอบที่ 1 และ 2 เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ กิจกรรมที่ 1: โอนจ่าย 150 บาททำภารกิจแล้วได้เงินคืนกลับมา 300 บาท ทำกิจกรรมที่ 2 โอนจ่าย 700 บาท ได้เงินคืนมาจำนวน 1,400 บาท

ทำกิจกรรมที่ 3 คราวนี้มีข้อย่อย 1,2,3 อีก โดยข้อ 1 ต้องโอนจ่าย 1,000 บาท ยังไม่ได้เงินคืนต้องทำข้อ 2 และ 3 ให้เสร็จถึงจะได้เงินทั้งหมดพร้อมปันผล ด้วยความเสียดายจึงไปหาเงินมาจ่ายกิจกรรมที่ 3.3 โอนจ่าย 4,500 บาท พอกิจกรรมที่ 3.3 จะต้องโอนจ่ายอีก 18,000 บาท แต่เมื่อทำกิจกรรมครบทั้ง 3 ข้อกลับไม่ได้รับเงินปันผลตามที่กล่าวอ้าง อ้างว่าตนทำผิดขั้นตอนทั้งหมด ก่อนจะถูกเร่งรัดให้โอนเงินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยอ้างกฎเหล็กว่า หากทำผิดขั้นตอนหรือพลาดเวลา เงินลงทุนทั้งหมดจะถูกยึด ทำให้เธอต้องโอนเงินเพิ่มเพื่อแก้ไขภารกิจ

สุดท้าย เมื่อเธอไม่สามารถหาเงินมาโอนเพิ่มได้อีก จึงถูกหลอกสูญเงินไปกว่า 25,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้คือเงินเก็บก้อนสุดท้ายที่เธอตั้งใจไว้ใช้เป็น ค่ารักษาอาการป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้ายของตนเอง ซึ่งปัจจุบันรักษาตัวจากมะเร็งช่องท้องอยู่ที่สถาบันมะเร็งแห่งชาติ โรงพยาบาลรามาธิบดี โดยใช้สิทธิประกันสังคม เห็นบิลค่ารักษาที่ตนทำคีโม มา 2 ครั้งแล้ว มีค่าใช้จ่ายครั้งละ 4 หมื่นกว่าบาท

ตอนนี้ไม่เหลือแม้แต่เงินค่ารถเดินทางไปโรงพยาบาลแล้ว ปูร์ รำมะนา กล่าวด้วยความทุกข์ใจ พร้อมระบุว่า ได้เดินทางเข้าแจ้งความไว้ที่ สถานีตำรวจภูธรนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 แต่คดีความกลับไม่มีความคืบหน้าและเงียบหายไป จึงวิงวอนขอให้ตำรวจเร่งจับกุมแก๊งมิจฉาชีพไร้หัวใจกลุ่มนี้

ด้าน จ่าคิงส์ แตงทิม สะพานใหม่ กล่าวว่า เนื่องจากเป็นคดีที่ผู้เสียหายกำลังป่วยหนักและสูญเสียเงินเก็บก้อนสำคัญไป จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินการ โดยจะพาผู้เสียหายเข้าปรึกษาเจ้าหน้าที่กองปราบปรามเพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีและขอความช่วยเหลือทางกฎหมายอย่างเร่งด่วน

ภายหลังการเข้าพบ พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ได้ประสานไปยัง สภ.พระนครหลวงฯ ซึ่งได้รับแจ้งว่า ได้ออกหมายเรียกเจ้าของบัญชีที่รับโอนเงินมาพบแล้วในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ หากมีการคืนเงินก็จะจบคดี แต่ถ้าไม่คืนก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน