เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.2568 ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กระทรวงสาธารณสุข (PHEOC) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขและโฆษกกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีชายแดนไทย-กัมพูชา โดยมีนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานการประชุม ร่วมด้วย นพ.สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า
ขณะนี้มีโรงพยาบาล (รพ.) ในพื้นที่เสี่ยงปิดบริการชั่วคราวเพิ่มอีก 2 แห่ง คือ รพ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และ รพ.โคกสูง จ.สระแก้วจากที่ปิดไปแล้ว 8 แห่ง คือ รพ.น้ำยืน รพ.นาจะหลวย รพ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี, รพ.กันทรลักษ์ รพ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ, รพ.กาบเชิง รพ.พนมดงรักเฉลิมพระเกียรติฯ จ.สุรินทร์, รพ.ตาพระยา จ.สระแก้ว รวมเป็น 10 แห่ง และปิดให้บริการบางส่วนอีก 9 แห่ง ได้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยใน 552 ราย ไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ปลอดภัย ส่วน รพ.สต. ในพื้นที่เสี่ยงปิดบริการบางส่วน 7 แห่ง และปิดชั่วคราว 173 แห่ง
วันนี้ศูนย์ปฏิบัติการฯ ยังได้จัดซ้อมแผนบนโต๊ะ (Table Top Exercise) การอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยตามแผนระดับ 1-3 โดยมีผู้บริหารส่วนกลาง ผู้บัญชาการเหตุการณ์/กลุ่มภารกิจต่างๆ ของศูนย์ปฏิบัติการฯ ระดับเขต และผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป เขตสุขภาพที่ 6, 9, 10 สำนักงานสาธารณสุข 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไป ในจ.นครนายก สระบุรี สกลนคร ขอนแก่น มหาสารคาม และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ร่วมฝึกซ้อมแผน เพื่อให้สามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยเมื่อเกิดสถานการณ์รุนแรงขึ้น
นพ.เอกชัย กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขได้เปิดระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ฉุกเฉิน เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการต่อเนื่อง ทั้งการติดตามอาการ ตรวจประเมิน ให้คำแนะนำกับผู้ป่วยนอกที่มีนัดกับโรงพยาบาลที่ปิดบริการ และติดตามอาการผู้ป่วยในที่จำหน่ายกลับบ้าน
รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงประสานให้ผู้อพยพที่มีอาการเจ็บป่วยหรือโรคเรื้อรังได้พบแพทย์ทางไกลโดยไม่ต้องเคลื่อนย้าย ซึ่งปัจจุบันมีศูนย์พักพิงเพิ่มเป็น 849 จุด ประชาชนเข้าพัก 199,618 คน ในจำนวนนี้ เป็นกลุ่มเปราะบาง 40,786 คน มากที่สุดเป็นผู้สูงอายุ 28,173 คน
นพ.เอกชัย กล่าวว่า มีการจัดเจ้าหน้าที่และบุคลากรการแพทย์ดูแลตลอด 24 ชั่วโมง และจัดทีมปฏิบัติการด้านสุขภาพลงพื้นที่เพิ่มขึ้น ประกอบด้วย ทีมปฏิบัติการฉุกเฉินทางการแพทย์ (MERT/Mini-MERT) 46 ทีม ทีมปฏิบัติการแพทย์ฉุกเฉินระดับสูง (ALS) 30 ทีม ทีมปฏิบัติการสอบสวนควบคุมโรค 108 ทีม ทีมปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินและสาธารณภัยด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 69 ทีม และทีมช่วยเหลือทางด้านจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต 96 ทีม
โดยจากการคัดกรองสุขภาพจิตประชาชนในอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ตราด สระแก้ว และจันทบุรี รวม 19,030 ราย พบเครียดสูงและเสี่ยงทำร้ายตนเองรวม 196 ราย ได้ให้การปฐมพยาบาลทางจิตใจและส่งเข้ารับการดูแลตามกระบวนการ พร้อมติดตามดูแลใกล้ชิด