เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 4 ธันวาคม 68 นายเอกวิทย์ มีเพียร ผู้ว่าราชการจังหวัดปทุมธานี ประธานในพิธี ได้ทำการเปิดงาน แข่งขันเรือยาวประเพณี จังหวัดปทุมธานี ชิงถ้วยพระราชทานฯ ประจำปี 2568 ใน วันที่ 3 - 5 ธันวาคม ณ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สวนเทพปทุม อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี ได้ทำการเคลื่อนขบวนอัญเชิญถ้วยพระราชทานฯ และขบวนรถบุปผชาติออกจากบริเวณหน้าโรงเรียนปทุมวิไล ไปยังบริเวณสวนเทพปทุม ตำบลบางปรอก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี

โดยมีรถบุปผชาติถ้วยพระราชทาน 1 และรถบุปผชาติ เทิดพระเกียรติถวายความอาลัยแด่องค์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และได้อัญเชิญถ้วยพระราชทานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและถ้วยพระราชทานสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินี ไปยังบริเวณหน้าเวที และกล่าวเปิดงานซึ่งไฮไลท์สำหรับงานนี้ คือ สงครามแห่งฝีพายชมการแข่งขันเรือยาวที่เต็มไปด้วยพลังและความสามัคคีจากเรือดังทั่วประเทศ ไม่ต่ำกว่า 40 ทีม

ที่จะมาประชันความแข็งแกร่งและเทคนิคการพายใน 4 ประเภทสุดเดือด ได้แก่ เรือยาวใหญ่ (55 ฝีพาย) ศึกของยักษ์ใหญ่แห่งสายน้ำ เรือยาวกลาง (40 ฝีพาย) การต่อสู้ที่ต้องใช้ทั้งพละกำลังและไหวพริบ เรือยาวเล็ก (30 ฝีพาย) ความเร็ว แรง และความพร้อมเพรียงที่น่าทึ่ง และเรือพายม้าการแข่งขันเรือพื้นบ้านที่คงความสนุกและเสน่ห์ดั้งเดิม เพื่อชิงถ้วยพระราชทานอันทรงเกียรติจาก พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี นับเป็นเกียรติสูงสุดของฝีพายทุกคนที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การแข่งขันในครั้งนี้

นอกจากการแข่งขันสุดเข้มข้นแล้ว ภายในงานยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ร่วมสนุกตลอดทั้งวัน เช่น ตลาดนัดบัวหลวง พบกับสินค้า OTOP ของดีเมืองปทุมธานี ผลิตภัณฑ์ชุมชนคุณภาพ ทั้งอาหาร และของใช้ นิทรรศการส่งเสริมวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเป็นมาของการแข่งเรือยาว เวทีกิจกรรมบันเทิงและการแสดงศิลปวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ปิดท้ายความสนุกด้วย มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินชื่อดังมากมาย ที่จะมามอบความสุขและเสียงเพลงท่ามกลางบรรยากาศริมสายน้ำ

ร่วมสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งสายน้ำเจ้าพระยาในงานแข่งขันเรือยาวประเพณีสุดยิ่งใหญ่ หนึ่งในกิจกรรมสำคัญที่สะท้อนอัตลักษณ์ของชาวปทุมธานีที่ผูกพันกับสายน้ำมาอย่างยาวนาน งานนี้จัดขึ้นเพื่อสืบสานประเพณีไทยอันทรงคุณค่า รักษามรดกทางวัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของจังหวัด และสร้างความรัก ความสามัคคีในชุมชน อีกทั้งยังเป็นการยกระดับ Soft Power ของไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ





ผู้สื่อข่าวจังหวัดนนทบุรี รายงาน