เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับทหารทั้งสองนายที่ประสบเหตุ พร้อมให้กำลังใจผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับหน่วยให้มีกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติให้ดีที่สุด
พลโทบุญสินกล่าวต่อว่า จากข้อมูลที่ได้รับ ทราบว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ และพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นทางที่กำลังพลใช้เดินลาดตระเวนเป็นประจำ ส่วนเรื่องการประท้วงหรือการดำเนินการใด ๆ ขอให้เป็นไปตามขั้นตอนของกองทัพ
อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ยังกล่าวถึงกรณีที่ไปบรรยายพิเศษที่พุทธสถานปฐมอโศก อำเภอเมือง จังหวัดนครปฐม โดยระบุถึงเหตุการณ์ปะทะในช่วง 6 ชั่วโมงแรกของวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 ที่มีผู้สั่งให้หยุดยิง โดยชี้แจงว่า มีประชาชนที่มาร่วมฟังบรรยายสอบถามถึงประเด็นปราสาทตาควาย ซึ่งเป็นคำถามที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาบ่อยครั้ง
พลโทบุญสินยืนยันว่า ไทยไม่ได้ยอมรับให้ปราสาทตาควายเป็นของกัมพูชา เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นของไทย และเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 รัฐบาลได้ลงนามในการประชุมวาระพิเศษเกี่ยวกับการหยุดยิง ทำให้การใช้กำลังยุติลงในเวลา 24.00 น. ของวันเดียวกัน ส่งผลให้ผู้ฟังบรรยายเกิดความสนใจว่าปราสาทตาควายจะกลับมาเป็นของไทยเมื่อใด
ทั้งนี้ พลโทบุญสินยอมรับว่า ในช่วงแรกของเหตุการณ์ปะทะอาจเกิดความสับสน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของการรบ แต่ในเวลานี้ไม่ควรนำเรื่องในอดีตกลับมาพูดถึงอีก เพราะไม่เป็นประโยชน์ต่อสังคมไทยในอนาคต ทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนอย่างดีที่สุดแล้ว และเหตุการณ์ดังกล่าวก็ผ่านมานาน ขอให้ทุกฝ่ายเริ่มต้นกันใหม่ พร้อมให้กำลังใจทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน
พลโทบุญสินย้ำว่า ไม่ต้องการรื้อฟื้นเรื่องในอดีต และขอให้กำลังใจแก่กำลังพลที่ทำหน้าที่ในขณะนี้ โดยยืนยันว่า ในช่วงเวลานั้นผู้บังคับบัญชาทุกระดับได้ร่วมกันทำเพื่อประเทศชาติอย่างเต็มความสามารถแล้ว จึงควรมองไปข้างหน้า เน้นปัจจุบันและอนาคต ซึ่งบางเรื่องที่ถูกพูดถึงอาจเป็นข่าวปลอมที่สร้างความแตกแยกในสังคมไทย จึงขอให้ทุกคนร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
พลโทบุญสินกล่าวเพิ่มเติมว่า ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามที่พลเอกพนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก มอบหมาย โดยเฉพาะภารกิจพูดคุยกับเยาวชนเพื่อส่งเสริมความรักชาติรักแผ่นดิน และจะไม่ก้าวล่วงผู้ที่ทำหน้าที่ในกองทัพ ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกได้ให้กำลังใจและเน้นย้ำให้สื่อสารเรื่องการสร้างความรักและความสามัคคีภายในชาติอย่างต่อเนื่อง