ที่สถานธนานุบาล เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุจากทางสถานธนานุบาลฯ ว่ามีบุคคลนำสร้อยคอทองคำปลอมมาจำนำ เจ้าหน้าที่จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบนางน้อย (นามสมมุติ) อายุ 65 ปี กำลังนั่งรออยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์

จากการสอบถามทราบว่า นางน้อยได้นำสร้อยคอทองคำจำนวน 1 เส้นมาจำนำ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบกลับพบความผิดปกติ ทั้งในเรื่องของสีทองที่ไม่เหมือนทองคำแท้ และน้ำหนักที่ชั่งได้เพียง 18.64 กรัม ซึ่งไม่ถึง 2 บาททอง ตามที่นางน้อยแจ้งไว้ โดยปกติทองรูปพรรณหนัก 1 บาทจะมีน้ำหนัก 15.16 กรัม ดังนั้นทอง 2 บาทต้องมีน้ำหนักประมาณ 30.32 กรัม นอกจากนี้ บริเวณห่วงตะขอยังไม่มีตราสัญลักษณ์ของร้านทองประทับไว้ จึงยืนยันได้ว่าเป็นทองปลอม

นางน้อยให้การว่า สร้อยคอเส้นดังกล่าวเคยนำมาจำนำที่สถานธนานุบาลแห่งนี้หลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดเมื่อราว 1 ปีก่อน ได้นำเงินมาไถ่ถอนคืนและเก็บไว้ที่บ้าน จนกระทั่งวันนี้นำกลับมาจำนำอีกครั้ง แต่กลับพบว่าเป็นทองปลอม โดยตนไม่รู้มาก่อน เพราะลวดลายเหมือนกับของจริงที่เคยมี

เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแนะนำให้นางน้อยกลับไปตรวจสอบภายในบ้าน ว่ามีใครสามารถเปิดลิ้นชักหรือบริเวณที่เก็บทองได้บ้าง เนื่องจากอาจเป็นไปได้ว่ามีคนในครอบครัวนำทองปลอมที่มีลวดลายคล้ายกันมาสับเปลี่ยน ทั้งนี้ ราคาทองคำรูปพรรณปัจจุบันอยู่ที่ประมาณบาทละ 62,150 บาท ซึ่งอาจเป็นแรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ

เบื้องต้น ทางสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราไม่ได้ดำเนินคดีหรือเอาผิดแต่อย่างใด เนื่องจากเชื่อว่านางน้อยไม่ได้มีเจตนา และอาจเป็นผู้เสียหายจากการถูกสับเปลี่ยนทองจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้ก็เคยนำทองคำแท้มาจำนำที่นี่โดยไม่เคยเกิดปัญหา

ด้าน เจ้าหน้าที่ กล่าวด้วยว่า ช่วงนี้ราคาทองสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ใครที่มีทองคำเก็บสะสมไว้ ไม่ว่าแหวนทอง สร้อยคอทองคำ หรือทองแท่ง ขอให้เก็บให้มิดชิด เพราะอาจตกเป็นเป้าของมิจฉาชีพได้

แนะวิธีดูทองจริงทองปลอม

โดยเว็บไซต์ bangkokgolds แนะวิธีดูทองจริงทองปลอมไว้ดังนี้

1. เทียบขนาดและน้ำหนัก

นำทองวางบนตาชั่งกรัมที่มีหน่วยเป็นกรัม โดยทองแต่ละขนาดจะมีน้ำหนักที่คงที่อยู่แล้วเช่น

น้ำหนักทองคำ 1 บาท ในทองคำแท่ง น้ำหนักจะอยู่ที่ 15.244 กรัม และในทองคำรูปพรรณ น้ำหนักจะอยู่ที่ 15.16 กรัม

น้ำหนักทองคำแท่ง 1 สลึง ในทองคำแท่ง น้ำหนักจะอยู่ที่ 3.811 กรัม และในทองคำรูปพรรณ 1 สลึง น้ำหนักจะอยู่ที่ 3.79 กรัม เป็นต้น

2. ตราประทับ

เมื่อส่องกล้องแล้วมีตราประทับ เช่น เปอร์เซ็นต์ทอง, ตัวอักษรย่อ, ชื่อร้านทอง, สัญลักษณ์ประจำร้าน แสดงว่าเป็นทองแท้ แต่ในความเป็นจริงแล้วทองปลอมในปัจจุบันสามารถทำตราประทับได้ จึงต้องพิสูจน์ด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย

3. รอยต่อ

แม้ทองจะมีคุณสมบัติอ่อนตัวแต่ทองแท้มีความทนทานต่อการใช้งานสูง จึงไม่มีร่องรอยใด ๆ บริเวณรอยต่อของทองรูปพรรณ แต่หากพบสีแปลก ๆ บริเวณรอยต่อ แสดงว่าเป็นทองปลอม

4. แม่เหล็กดูด

อีกวิธีดูทองแท้ด้วยตัวเองคือ การนำแม่เหล็กมาดูด หากเป็นทองแท้จะไม่ทำปฏิกิริยาใด ๆ กับแม่เหล็ก จึงไม่ถูกดูดเข้าไป แต่หากเป็นทองปลอมที่มีโลหะอื่นร่วมด้วยจะถูกแม่เหล็กดูดเข้าหาทันที

5. โยนลงบนกระจก

หากโยนทองลงบนกระจกแล้วมีเสียงนุ่มแสดงว่าเป็นทองแท้ ส่วนทองปลอมจะมีเสียงตกกระทบที่แหลมและดังกว่า

6. แช่น้ำ

หากนำทองไปแช่ในถังน้ำแล้วทองจมลงก้นถังแสดงว่าเป็นทองแท้ ส่วนทองปลอมจะลอยอยู่บนผิวน้ำ หรือเปลี่ยนสีได้ด้วยค่ะเนื่องจากมีส่วนผสมของโลหะเบา

7. ใช้ฟันกัด

ถึงแม้ว่าการกัดทองแรง ๆ แล้วทองอ่อนตัว จะบ่งบอกว่าเป็นทองแท้ แต่ทองแท้จะอ่อนตัวง่าย จึงอาจผิดรูปไปจากเดิม

8. หยดกรดไนตริก

หากหยดลงบนทองแล้วไม่เกิดรอยแหว่ง แสดงว่าเป็นทองแท้ ส่วนทองปลอมจะเกิดรอยแหว่ง แต่ทั้งนี้ไม่ควรหยดเยอะเกินไปเพราะอาจทำให้ทองผิดรูปได้เช่นกัน

เรียบเรียง สยามนิวส์