เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เผยรายงานผลการดำเนินงานของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) ปีงบประมาณ 2567 โดยรายงานดังกล่าวสะท้อนภาพรวมการเจ็บป่วยของประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองทั่วประเทศ พบว่า โรคความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุ ยังคงครองอันดับ 1 ของผู้ป่วยนอก ขณะที่โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ เป็นโรคที่พบมากที่สุดในผู้ป่วยใน
สำหรับบริการผู้ป่วยนอก ปีงบประมาณ 2567 มีประชาชนผู้ใช้สิทธิบัตรทองเข้ารับบริการกว่า 176.5 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ย 3.75 ครั้งต่อคนต่อปี โดย 10 อันดับโรคผู้ป่วยนอกสูงสุด ได้แก่
1. โรคความดันโลหิตสูงไม่ทราบสาเหตุ 23.05 ล้านครั้ง
2. เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน 12.87 ล้านครั้ง
3. ความผิดปกติของเมตะบอลิซึมของไขมันในเลือด 12.25 ล้านครั้ง
4. คอหอยอักเสบเฉียบพลัน (ไข้หวัด) 7.71 ล้านครั้ง
5. ไตวายเรื้อรัง 6.23 ล้านครั้ง
6. ความผิดปกติของเนื้อเยื่ออ่อน 3.89 ล้านครั้ง
7. ฟันผุ 3.88 ล้านครั้ง
8. ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ 3.31 ล้านครั้ง
9. อาหารไม่ย่อย 3.05 ล้านครั้ง
10. เหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ 2.32 ล้านครั้ง
ส่วนบริการผู้ป่วยใน มีจำนวนการรับบริการทั้งสิ้นกว่า 6.9 ล้านครั้ง หรือเฉลี่ย 0.15 ครั้งต่อคนต่อปี โดย 10 อันดับโรคผู้ป่วยในสูงสุด ได้แก่
1. โรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบจากการติดเชื้อ 256,407 ครั้ง
2. ปอดบวมไม่ระบุเชื้อต้นเหตุ 205,739 ครั้ง
3. ต้อกระจกในวัยชรา 200,487 ครั้ง
4. การคลอดทารกเกิดมีชีวิต 174,579 ครั้ง
5. เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน 140,239 ครั้ง
6. ปอดอุดกั้นเรื้อรังแบบอื่น 136,188 ครั้ง
7. ไตวายเรื้อรัง 134,076 ครั้ง
8. ธาลัสซีเมีย 126,441 ครั้ง
9. หัวใจล้มเหลว 126,312 ครั้ง
10. เนื้อสมองตายเพราะขาดเลือด 123,588 ครั้ง

นพ.จเด็จระบุว่า ข้อมูลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นการเข้าถึงบริการสุขภาพของประชาชนภายใต้ระบบบัตรทองตามพระราชบัญญัติหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ที่ให้ประชาชนทุกคนได้รับการรักษาอย่างเท่าเทียมโดยไม่ต้องกังวลค่าใช้จ่าย ทั้งยังช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ภาครัฐวางแผนพัฒนาระบบบริการสุขภาพ กำหนดมาตรการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรคได้ตรงจุด โดยเฉพาะโรคเรื้อรังสำคัญ เช่น โรคความดันโลหิตสูงและเบาหวาน
เลขาธิการ สปสช.กล่าวว่า สปสช.จะใช้ข้อมูลจากรายงานนี้กำหนดนโยบายและพัฒนาระบบบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ร่วมมือกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขและองค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ โดยเฉพาะในระดับปฐมภูมิ เพื่อให้การส่งต่อผู้ป่วยต่อเนื่อง ลดความแออัดในโรงพยาบาล และให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว และมีคุณภาพอย่างทั่วถึง