 
                            เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 ที่สถาบันพระปกเกล้า พลโทบุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบกและอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางเข้าร่วมรับฟังการถอดบทเรียนของหลักสูตรประกาศนียบัตรชั้นสูงการเสริมสร้างสังคมสันติสุข ว่าด้วยเรื่องการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งภายในสังคมในหลายมิติ
ภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรม พลโทบุญสิน พาดกลาง เปิดเผยว่า เรื่องการทวงคืนพื้นที่ปราสาทตาควายนั้น ยังมีหนทางที่จะนำกลับคืนมาได้ แม้ว่าขณะนี้จะมีข้อจำกัดด้านพื้นที่หลังจากมีการลงมติหยุดยิง โดยมีหลายพื้นที่ที่ไทยต้องดำเนินการทวงคืน ขณะเดียวกันกองทัพไทยได้ยึดจุดยุทธศาสตร์สำคัญคือภูมะเขือไว้ได้ สำหรับปราสาทตาควายในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ ไทยไม่เคยยอมรับว่าเป็นของกัมพูชา และยังคงยืนยันชัดเจนว่าเป็นของประเทศไทย
ส่วนแนวทางการทวงคืนนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บัญชาการทหารบกและรัฐบาล ว่าจะดำเนินการด้วยวิธีการประท้วงหรือเจรจาอย่างไร แม้ในขณะนี้ทั้งไทยและกัมพูชาได้เข้าสู่โต๊ะเจรจาและมีท่าทีว่าจะสามารถตกลงกันได้ พลโทบุญสินระบุว่า เรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับผู้นำและผู้ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการเจรจา พร้อมให้กำลังใจแก่กองทัพบก รัฐบาล และกระทรวงกลาโหม ในการกำหนดแนวทางต่อสู้กับประเด็นดังกล่าว ทั้งนี้ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้สัมภาษณ์อย่างชัดเจนแล้วว่า ปราสาทตาควายเป็นของไทย ไม่ใช่ของกัมพูชา
ในส่วนของเนิน 677 และปราสาทคณา พลโทบุญสินระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวก็มีโอกาสที่จะได้คืนเช่นกัน โดยยืนยันว่าผู้ที่เกี่ยวข้องต้องมีวิธีการและแนวทางดำเนินการให้เหมาะสม และขอให้กำลังใจรัฐบาลให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่
ส่วนการยุทธวิธีตึงกำลังในพื้นที่หลังจากนี้ พลโทบุญสินมองว่าจะมีความผ่อนคลายมากขึ้น เนื่องจากมีการลงนามข้อตกลง 4 ประการ ได้แก่ การถอนอาวุธหนัก การเก็บกู้และทำลายทุ่นระเบิด การปราบสแกมเมอร์ และการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนอย่างเป็นระบบ ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่ากัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าวด้วยความจริงใจเพียงใด
สำหรับประเด็นการที่ กัน จอมพลัง เข้ามาช่วยเหลือพื้นที่ชายแดน พลโทบุญสินกล่าวว่า เป็นสิ่งที่ภาคประชาชนและภาคเอกชนมีน้ำใจอยากเข้ามาช่วยเหลือ เช่นเดียวกับประชาชนที่นำอาหารแห้งมาบริจาค แต่ กัน จอมพลัง มีศักยภาพด้านเครื่องจักร สามารถช่วยสร้างบังเกอร์และถนน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่กำลังทหารในพื้นที่