คู่สามี-ภรรยา เช้ากินค่ำขาย ข้าวโพดต้ม ถูกเรียกเงินค่าปรับสูงถึง 90,000 บาท ยอมพับหม้อต้ม เลิกอาชีพนี้แล้ว
ข่าวสังคม - โซเชียล

คู่สามี-ภรรยา เช้ากินค่ำขาย ข้าวโพดต้ม ถูกเรียกเงินค่าปรับสูงถึง 90,000 บาท ยอมพับหม้อต้ม เลิกอาชีพนี้แล้ว

วันที่ 21 ตุลาคม 2568 สำนักข่าวดัง รายงานว่า ได้มีการเดินทางไปยังบ้านของคู่สามีภรรยา ที่ทำอาชีพต้มข้าวโพด-ต้มถั่วขาย อาศัยอยู่ ภายในเพิงพักสังกะสีแห่งหนึ่ง ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ที่ทั้งคู่ใช้เป็นทั้งบ้านพักอาศัย และสถานที่ประกอบอาชีพ

ทั้งคู่เล่าว่าตอนนี้จำใจหยุดลง เพราะผลจากอดีตเคยใช้ไม้ และถ่าน มาเป็นเชื้อเพลิงตั้งแต่เมื่อปลายปีที่แล้ว จนถูกเพื่อนบ้านร้องเรียนไปที่เทศบาลนครปากเกร็ดหลายครั้ง ให้แจ้งเตือนคู่ผัว-เมีย ปรับปรุงกิจการ ไม่ให้เกิดควันไฟก่อมลพิษทั้งฝุ่นและ PM2.5 แต่ก็ไม่เป็นผล จนต้องบังคับใช้กฎหมาย เรียกจ่ายเงินค่าปรับสูงถึง 90,000 บาท ไปเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

คู่สามีภรรยาถึงกับน้ำตาคลอ ยอมรับว่า ไม่มีเงินเพียงพอจะจ่ายค่าปรับ แม้จะพยายามทำมาหากินอย่างสุจริต แต่รายได้ที่มีอยู่ก็แทบไม่พอใช้ หากต้องเปลี่ยนเชื้อเพลิงจากฟืนมาใช้ก๊าซหุงต้ม จะยิ่งเพิ่มต้นทุนสูงขึ้น ปัจจุบันขายข้าวโพดและถั่วต้มวันละ 50-100 กิโลกรัม ได้รายได้เฉลี่ยวันละ 2,000-3,000 บาท แต่เมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้ว เหลือกำไรเพียงวันละประมาณ 500 บาทเท่านั้น

เมื่อได้สอบถามข้อเท็จจริงจากเทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งยืนยันว่า มีการดำเนินคดีกับคู่สามีภรรยาคู่นี้จริง เนื่องจากฝ่าฝืนกฎหมายสาธารณสุข ประกอบกิจการจำหน่ายอาหารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากท้องถิ่น ทั้งที่เคยมีคำสั่งให้แก้ไขแล้วแต่ยังไม่ปฏิบัติตาม จนมีชาวบ้านร้องเรียนซ้ำหลายครั้ง จึงจำเป็นต้องสั่งให้หยุดกิจการ แม้เจ้าหน้าที่จะเข้าใจและเห็นใจ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย เพราะค่าปรับในบางกรณีค่อนข้างสูง

อย่างไรก็ตาม คู่สามีภรรยายังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแขวงนนทบุรีเพื่อขอไกล่เกลี่ยได้ ขณะเดียวกัน เทศบาลเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มีเรื่องร้องเรียนเข้ามามากกว่า 500 เรื่อง แต่ดำเนินคดีจริงเพียง 15 รายเท่านั้น โดยที่ผ่านมา ทางเทศบาลมักให้เวลาชาวบ้านแก้ไขปัญหาหลายเดือนก่อนจะใช้มาตรการทางกฎหมาย ซึ่งบางรายที่ฝ่าฝืนซ้ำซ้อน โดนปรับสูงสุดถึง 700,000 บาทเลยทีเดียว