จากกรณีนายอนุชา อายุ 33 ปี ได้ร้องเรียนกรณีลูกชาย อายุ 7 ขวบ มีอาการชัก และได้พาไปยังห้องฉุกเฉิน ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ก่อนจะเสียชีวิตหลังพามารักษาตัวไม่กี่ชั่วโมง โดยติดใจว่าทำไมรพ.ถึงไม่มีหมอหรือพยาบาลมาตรวจรักษาลูก

ล่าสุด นพ.จตุพงษ์ จันทร์ทอง รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปทุมธานี และผอ.รพ.สามโคก ได้ออกมาชี้แจงถึงประเด็นดังกล่าว ระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องที่เสียชีวิต รพ.ไม่ได้นิ่งนอนใจมีการประชุมหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรได้บ้างแล้วก็สอบสวนโดยข้อมูลจากข้อเท็จจริงเพื่อมาปรับปรุงการพัฒนาผู้ให้บริการ โดยผู้เสียชีวิตมาประมาณ 2 ทุ่มจากการซักประวัติทราบว่า มาจากรพ.เอกชน มาใช้สิทธิ์การรักษา โดยน้องมีอาการอาเจียนและถ่ายเหลวพร้อมชักมาด้วย

นพ.จตุพงษ์ กล่าวต่อว่า การคัดกรองแยกผู้ป่วยตามภาวะวิกฤตเร่งด่วน น้องอยู่ในลักษณะของสีชมพู หมายถึงภาวะวิกฤตเร่งด่วน ทีมห้องฉุกเฉินต้องดูแลอย่างใกล้ชิดคอยวัดชีพจรและสัญญาณชีพ ต้องดูแลเป็นพิเศษ แต่ทีมคืนที่น้องเข้ามานั้นได้ประเมินว่าน้องมีภาวะขาดน้ำระดับปานกลาง ซึ่งจริงๆต้องมีการรักษาที่ห้องคุณหมออาจจะอยู่ข้างในโดยปกติห้องอีอาร์จะไม่ให้ญาติเข้า ญาติอาจจะไม่เข้าใจวิธีการรักษาของเรา

เราได้ประวัติมาว่าน้องอาจจะมีการติดเชื้อ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ ผ่านไป 2 ชั่วโมงอาการน้องเริ่มดีขึ้น จากนั้นครึ่งชั่วโมงน้องมีอาการชัก มีการขึ้น ซีพีอาร์ สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตของได้ ตนได้คุยผ่านผู้เชี่ยวชาญ โดยคุณหมอเด็กให้ความเห็นว่า กรณีเสียชีวิตอย่างรวดเร็วอาจจะ 1 ภาวะไวรัสขึ้นสมองหรือติดเชื้อที่เพิ่มสมองจากไวรัสอาจจะทำให้เกิดการชักได้ สภาวะที่ 2 มาสู่ที่หัวใจ จากสัญญาณชีพที่ปกติจู่ๆก็หายไปแล้วเกิดจากภาวะขาดน้ำด้วยก็ได้

นพ.จตุพงษ์ กล่าวอีกว่า ที่รพ.เขียนการเสียชีวิตว่า เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เอ มันมีอยู่ 2 สาเหตุไม่ว่าจะเป็นที่สมองหรือที่หัวใจมันสามารถเกิดขึ้นได้จากภูมิคุ้มกันอาจจะไม่ดีในบางสภาวะหรืออาจจะเป็นไวรัสลงกระเพาะและเกิดการติดเชื้อร่วม ถ้าอยากให้รู้ชัดก็ต้องผ่าชันสูตร ตนสามารถให้ข้อมูลได้ประมาณนี้ ต้องขอแสดงความเสียใจกับญาติ สิ่งใดที่รพ.จะพอช่วยได้ก็ยินดีที่จะช่วยเหลือ สิ่งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น