นศ.สาวปี 1 บอบช้ำทั้งกายและใจ หลังถูกรุ่นพี่รับน้องโหด
ข่าวสังคม - โซเชียล

นศ.สาวปี 1 บอบช้ำทั้งกายและใจ หลังถูกรุ่นพี่รับน้องโหด

เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2568 น.ส.นิด (นามสมมติ) นักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง พร้อมด้วย นักศึกษาสาวมารดา ได้เข้าขอความช่วยเหลือจาก ดร.ปรเมศร์ ชัยพัชรกุลพงษ์ หรือ ดร.แก้ว ผู้ก่อตั้งเพจ ดร.แก้วช่วยได้ หลังถูกรุ่นพี่รับน้องนอกรั้วมหาวิทยาลัย โดยถูกทำร้ายร่างกายและข่มขู่ ทำให้ได้รับบาดเจ็บและหวาดกลัวอย่างหนัก

นักศึกษาสาว  เล่าว่า เหตุการณ์เริ่มขึ้นตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เมื่อเพื่อนชวนไปเข้าร่วมกิจกรรมรับน้องที่เรียกว่า รับระบบ หรือ รับรุ่น โดยรุ่นพี่อ้างว่าเพื่อสร้างคอนเนคชั่นที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานในอนาคต แต่เมื่อไปถึงบ้านเช่าที่ใช้เป็นสถานที่รับน้อง รุ่นพี่ได้ยึดโทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชนของทุกคนไว้ ก่อนจะถ่ายรูปเก็บไว้เพื่อใช้ข่มขู่ จากนั้นบังคับให้ดื่มเหล้าและท่องบทกลอน หากทำผิดก็จะถูกลงโทษด้วยการชกต่อยและเตะอย่างรุนแรง โดยเฉพาะรุ่นพี่ผู้หญิง

เหตุการณ์รุนแรงที่สุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กันยายน เมื่อรุ่นพี่ที่จบการศึกษาไปแล้ว เข้ามาร่วมทำร้ายร่างกายอย่างหนักด้วยการเตะต่อยที่หน้าอกและหลังจนร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ทำให้เธอต้องบอกความจริงกับผู้ปกครองและไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์ยืนยันว่ามีบาดแผลจากการถูกทำร้ายจริง

นักศึกษาสาว ยังเผยอีกว่า เมื่อเธอพยายามจะถอนตัวจากการรับน้อง ได้ข่มขู่ว่าหากเลิกเข้าระบบก่อนเรียนจบหลักสูตรจะถูกตามไปทำร้ายถึงบ้าน และอ้างว่ามีข้อมูลจากบัตรประชาชนอยู่ในมือ ทำให้เธอหวาดกลัวจนไม่กล้าเดินทางไปไหนคนเดียว และยังเป็นห่วงเพื่อนนักศึกษาปี 1 ที่ยังอยู่ในระบบด้วย

ด้านมารดาของนักศึกษาผู้เสียหาย กล่าวด้วยความเจ็บปวดว่า ไม่คิดว่าการรับน้องจะรุนแรงถึงขั้นทำร้ายร่างกายลูกสาวจนฟกช้ำไปทั้งตัว และแพทย์ยังเตือนว่าหากถูกทำร้ายซ้ำอาจถึงขั้นกระดูกหัก จากเดิมที่ลูกเป็นคนร่าเริงกลับกลายเป็นคนหวาดกลัวและเครียด เธอจึงตัดสินใจพามาขอความช่วยเหลือจาก ดร.แก้ว และยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด พร้อมเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยลงโทษรุ่นพี่ที่เกี่ยวข้องถึงขั้นไล่ออก และขอให้ตำรวจตรวจสอบประเด็นการเก็บข้อมูลบัตรประชาชนเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางมิชอบ

ด้าน ดร.แก้ว เปิดเผยว่า ได้พาผู้เสียหายเข้าพูดคุยกับหัวหน้าแผนกแล้ว ซึ่งทางมหาวิทยาลัยยืนยันว่ากิจกรรมดังกล่าวไม่ใช่วิธีการรับน้องของสถาบัน และกำลังรวบรวมข้อมูลนักศึกษาที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามระเบียบต่อไป นอกจากนี้ ตนยังได้พาผู้เสียหายไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายและข่มขู่ และหากพบการนำข้อมูลส่วนตัวจากบัตรประชาชนไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย จะมีการดำเนินคดีเพิ่มเติมทุกข้อหาเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับนักศึกษาคนอื่นอีก

เรียบเรียงโดย สยามนิวส์