เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 12 กันยายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรปากเกร็ด รับแจ้งเหตุทะเลาะวิวาทภายในซอยสุขาประชาสรรค์ 3 ซอย 18 ตำบลบางพูด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมด้วยรถกู้ชีพเทศบาลนครนนทบุรีและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ในที่เกิดเหตุพบผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย นอนอยู่กลางถนนภายในซอย ได้แก่
นายสรุศักดิ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ถูกยิงที่ขาขวา
นายวิรัตน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 45 ปี ถูกแทงบริเวณลำคอ
นายธนินทธร (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ถูกของมีคมฟันบริเวณใบหน้าหลายแผล อาการสาหัส
เจ้าหน้าที่ได้เร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล และตรวจพบอาวุธปืนแบบลูกโม่ 1 กระบอกในที่เกิดเหตุ จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายสุรพงษ์ บิดาของนายสรุศักดิ์ ให้ข้อมูลว่า ก่อนเกิดเหตุ นายวิรัตน์และนายธนินทธร ได้มานั่งดื่มสุราร่วมกับตนและพวกอีก 3 คน รวมทั้งหมด 5 คน ต่อมานายอานัฐ (สงวนนามสกุล) เพื่อนบ้าน ขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาจอดพูดคุยกับตนเรื่องส่วนตัว
ระหว่างนั้น นายธนินทธร ซึ่งอยู่ในอาการมึนเมา ได้ลุกขึ้นไปชกต่อยนายอานัฐโดยไม่มีเหตุผลชัดเจน หลังเกิดเหตุ นายวิรัตน์และนายธนินทธร ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากที่เกิดเหตุ
ภายหลัง นายสุรพงษ์ได้โทรศัพท์พูดคุยกับนายวิรัตน์ ซึ่งระบุว่าเป็นการต่อยผิดคน นายสุรพงษ์จึงพยายามเจรจาให้กลับเข้ามาขอโทษ
ไม่นานต่อมา นายวิรัตน์และนายธนินทธรได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาอีกครั้งและเกิดการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง จนนายธนินทธรนำปืนออกมา นายสรุศักดิ์ซึ่งนั่งอยู่ในที่เกิดเหตุได้วิ่งเข้าไปพยายามแย่งปืน ทำให้ปืนหล่นลงพื้นและเกิดลั่นใส่ขาขวาของนายสรุศักดิ์
นายสุรพงษ์ระบุว่า ณ ตอนนั้นลูกชายก็ยังไม่รู้ว่าถูกปืนยิงเข้าที่ขา เพราะกำลังรีบเอาปืนไปเก็บภายในบ้านเพื่อให้ห่างจากกลุ่มผู้ก่อเหตุ จนมารู้ตัวภายหลังจากที่เห็นเลือดไหลออกมาบริเวณขา
นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังทราบภายหลังว่า ก่อนหน้านี้ นายวิรัตน์มีปัญหากับบุคคลอีกคนชื่อว่านายรุ่ง ซึ่งร่วมวงดื่มสุราด้วย แต่ในช่วงเกิดเหตุ นายรุ่งไม่ได้อยู่ที่บ้านและจังหวะที่นายอานัฐขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมา นายวิรัตน์เข้าใจผิดว่าเป็นนายรุ่ง จึงลงมือทำร้าย
ด้านนายอานัฐ ให้การว่า ตนกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับเข้าบ้าน เห็นนายสุรพงษ์นั่งดื่มสุราอยู่จึงจอดรถพูดคุยเรื่องส่วนตัว ขณะนั้นนายธนินทธรเข้ามาทำร้ายร่างกายโดยไม่ทราบสาเหตุ
หลังจากเกิดเหตุ นายสุรพงษ์ได้โทรไปพูดคุยกับนายวิรัตน์เพื่อขอให้เข้ามาขอโทษ แต่ได้รับคำตอบให้ไปแจ้งความแทน ต่อมานายวิรัตน์และนายธนินทธรจึงขี่รถจักรยานยนต์กลับมาอีกครั้ง ก่อนเกิดเหตุการณ์ทะเลาะวิวาทซ้ำและมีการใช้อาวุธ
ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้บันทึกภาพและรวบรวมพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้เรียบร้อยแล้ว โดยจะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงผู้บาดเจ็บ มาให้ปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการสอบสวนหาผู้กระทำผิดที่ใช้อาวุธมีดและปืนก่อเหตุในครั้งนี้ ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย