สายไหมต้องรอด พาน้องสาว วิน จยย. แจ้งจับหนุ่มหลอนยาไล่แทงเจ็บกลางชุมชน
ข่าวสังคม - โซเชียล

สายไหมต้องรอด พาน้องสาว วิน จยย. แจ้งจับหนุ่มหลอนยาไล่แทงเจ็บกลางชุมชน

วันนี้(11 ส.ค. 68) นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พา น.ส.ศิริจันทร์ อายุ 39 ปี น้องสาวของ นายศิริชัย อายุ 41 ปี ผู้บาดเจ็บ เข้าแจ้งความดําเนินคดี นายเงาะ หรือ แม็ค ผู้ก่อเหตุขี่รถจักยานยนต์ไล่แทงจนได้รับบาดเจ็บ ภายในซอยวงศ์สว่าง 11 แขวงวงศ์สว่าง เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร

โดย น้องสาวผู้บาดเจ็บ เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมา ขณะเกิดเหตุพี่ชายได้ไปรับลูกค้ามาส่งที่บริเวณปากซอยวงศ์สว่าง 11 จากกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าผู้ก่อเหตุได้ขับรถสวนมา แต่เมื่อเห็นพี่ชายของตนจึงเลี้ยวรถกลับและใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่บริเวณชายโครงฝั่งขวาจนได้รับบาดเจ็บก่อนจะหลบหนีไป ซึ่งตอนนี้พี่ชายยังคงนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลและอาจจะต้องผ่าตัดไตออก 1 ข้าง เนื่องจากเสียหายระดับ 4

หลังก่อเหตุคนร้ายได้โพสต์ข้อความข่มขู่พร้อมถ่ายรูปคู่อาวุธมีดที่ยังเปื้อนเลือดของพี่ชายอยู่ จนถึงปัจจุบันยังมีการโพสต์ทํารนองว่าจะมาก่อเหตุซํ้าจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของพี่ชายรวมถึงครอบครัวอีกทั้งคนในชุมชนก็หวาดกลัวเป็นอย่างมาก ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบอย่างมากเพราะพี่ชายเป็นเสาหลักของบ้านมีลูกอีก 2 คน ที่ต้องดูแล เบื้องต้นขอให้ตํารวจเร่งติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาดําเนินคดีโดยเร็ว

เมื่อถามว่าพี่ชายและผู้ก่อเหตุเคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อนหรือไม่ ทางน้องสาวผู้บาดเจ็บ ยืนยันว่า พี่ชายไม่รู้จักและไม่เคยมีปัญหากับผู้ก่อเหตุ แต่เบื้องต้นจากการตรวจสอบในเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุพบว่ามีการระบุชื่อชาย 2 คน คือ ก็อต และ หนาว ซึ่งทั้งสองคนเคยขับวินเดียวกันกับพี่ชายแต่ปัจจุบันไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้วรวมถึงตัวผู้ก่อเหตุเองก็เคยขับวินเดียวกัน และมีปัญหากับก๊อตและหนาวแต่พี่ชายไม่รู้จักเพราะปัจจุบันผู้ก่อเหตุก็ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ จึงคาดว่าที่ก่อเหตุแทงพี่ชายน่าจะเป็นการแทงฝากอย่างแน่นอน

ด้าน นายเอกภพ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุคาดว่าน่าจะมีอาการหลอนยา ถ้ายังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดีก็จะยิ่งทำให้เกิดอันตราย เบื้องต้นได้ประสานไปยัง ผกก.สน.ประชาชื่น โดยยืนยันว่าตํารวจจะเร่งออกหมายจับภายใน 1-2 วัน เบื้องต้นทราบว่าขณะนี้ผู้ก่อเหตุได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว ทั้งนี้ตนเองอยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการเด็ดขาดสำหรับผู้ก่อเหตุที่มีอาการปวดจิตเวช เพราะหลายครั้งที่จับกุมผู้ก่อเหตุที่มีอาการป่วยจิตเวชและนำไปส่งที่โรงพยาบาล แต่โรงพยาบาลก็ไม่รับไว้รักษา เนื่องจากเห็นว่ามีอาการปกติ

ผู้สื่อข่าวนครบาล ทีมข่าวสยามนิวส์ รายงาน