เรียกได้ว่าช็อกไปทั้งวงการฮอลลีวูด เมื่อไมเคิล ดักลาส พระเอกชื่อดังเจ้าของรางวัลออสการ์ วัย 80 ปี ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดช็อกเป็นครั้งแรกว่า เขาเคยเผชิญกับโรคมะเร็งคอระยะที่ 4 ซึ่งมีต้นเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV โดยเชื้อนี้ติดต่อมาจากการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก (cunnilingus) ซึ่งเกือบคร่าชีวิตเขาไปอย่างหวุดหวิด
โดย ไมเคิล ดักลาส ได้เล่าย้อนถึงเหตุการณ์ในปี 2010 ว่า เขาเริ่มมีอาการเจ็บปากเรื้อรังมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อเข้ารับการตรวจจากแพทย์หลายราย กลับไม่พบความผิดปกติใด ๆ จนกระทั่งได้พบแพทย์ของเพื่อนที่เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา ซึ่งตรวจพบก้อนเนื้อขนาดเท่าวอลนัทบริเวณโคนลิ้น หลังจากตัดชิ้นเนื้อส่งตรวจจึงพบว่าเป็นมะเร็งคอระยะที่ 4 ซึ่งอยู่ในขั้นวิกฤต
พร้อมกันนี้ เขาเล่าด้วยความสะเทือนใจว่า ผมไม่มีวันลืมสีหน้าของหมอวันนั้นเลย เขาบอกว่าต้องตัดชิ้นเนื้อตรวจ เพราะก้อนที่เจอใหญ่มาก พร้อมเผยถึงกระบวนการรักษาที่โหดร้าย ทั้งการทำเคมีบำบัดและฉายแสงต่อเนื่องนาน 8 สัปดาห์ จนน้ำหนักลดไปกว่า 20 กิโลกรัม และไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ โดยเจ้าตัวยืนยันว่าเขาปฏิเสธการใส่สายให้อาหารตลอดกระบวนการรักษา
ส่วนประเด็นที่เป็นที่ถกเถียงในวงการแพทย์ คือ การที่ ไมเคิล ดักลาส ยืนยันว่า สาเหตุของโรคไม่ได้มาจากการใช้ยา สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์ แต่เกิดจากการติดเชื้อ HPV ทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเขาเคยกล่าวในบทสัมภาษณ์กับ The Guardian ว่า โรคนี้ไม่ได้เกิดจากยา บุหรี่ หรือเหล้า แต่เกิดจาก HPV ที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
ทั้งนี้ แม้แพทย์บางรายจะระบุว่า HPV สายพันธุ์ 16 อาจเป็นสาเหตุของมะเร็งช่องปาก แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเกิดจากเพศสัมพันธ์ทางปากโดยตรงคือปัจจัยเสี่ยงหลัก อย่างไรก็ตาม หลังต่อสู้กับโรคหนักนานถึง 2 ปี ดักลาสได้รับข่าวดีว่าโรคเข้าสู่ภาวะสงบ และปัจจุบันยังคงมีสุขภาพแข็งแรง พร้อมทั้งได้ใช้เรื่องราวในครั้งนี้เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่ง เพื่อเตือนให้สังคมตระหนักถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และความสำคัญของการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ
เรียบเรียงโดยทีมข่าวสยามนิวส์