วานนี้ (15 ธ.ค. 68) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพีร พวงมาลี หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดกาญจนบุรีเริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ทำให้แหล่งน้ำกลางผืนป่าเริ่มลดน้อยลง ส่งผลกระทบต่อสัตว์ป่ามากขึ้นซึ่งเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยนายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) รวมถึงนายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช และนายราชันย์ บัวตรี ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้มอบนโยบายเน้นย้ำให้พื้นที่ป่าอนุรักษ์บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการบุกรุกพื้นที่ ทำไม้และล่าสัตว์ป่า และให้เพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนเพื่อพิทักษ์ผืนป่าอย่างจริงจัง ภายใต้ปฏิบัติการ จับก่อนล่า
ล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น.ของวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ออกลาดตระเวนเชิงคุณภาพตามนโยบายของผู้บังคับบัญชาอย่างเข้มข้น จนกระทั่งไปถึงบริเวณป่าบ้านแก่งจอ ท้องที่หมู่ 4 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค เจ้าหน้าที่พบบุคคลต้องสงสัยเป็นชายสวมเสื้อลายพรางทหารนั่งซุ่มอยู่บริเวณกอกล้วยลักษณะคล้ายกับกำลังซุ่มยิงสัตว์ป่า ดังนั้นเจ้าหน้าที่ชุดลาดตระเวนจึงทำการปิดล้อมพร้อมแสดงตัวเข้าทำการจับกุม เมื่อชายรายดังกล่าวเห็นเจ้าหน้าที่จึงยอมมอบตัวแต่โดยดี ทราบชื่อต่อมาคือนายงู (ไม่มีนามสกุล)อายุ 29 ปี ชาวเมียนมา

จากการตรวจค้นปรากฎพบอุปกรณ์ที่ใช้กระทำผิดจำนวน 9 รายการ เช่น อาวุธปืนแก๊ปยาว จำนวน 1 กระบอก แก๊ปปืน 130 เม็ด ลูกตะกั่ว 80 ลูก มีดเหน็บ 1 เล่ม เป็นต้น เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดเอาไว้เป็นของกลาง พร้อมนำตัวนายงูมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ อุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยนายงูฯ ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนลักลอบเข้ามาในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคเพื่อดักซุ่มล่าสัตว์ป่าจริงโดยเฉพาะกระรอก ระหว่างกำลังซุ่มอยู่นั้นก็มาถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เสียก่อนโดยที่ยังไม่ได้ยิงสัตว์ป่าเลยแม้แต่ตัวเดียว

หลังจากนายงูฯ ผู้ต้องหาให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่จึงจดทำบันทึกเรื่องราวของเหตุการณ์ จากนั้นจึงนำของกลางและคุมตัวนายงูฯ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อกล่าวหา เป็นการเข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยคโดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ทำการล่อหรือกระทำการให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่า โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ อันเป็นการกระทำผิดกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ จากนี้ไปอุทยานแห่งชาติไทรโยคจะเพิ่มความเข้มข้นในการลาดตระเวนเพื่อพิทักษ์ผืนป่าอย่างจริงจัง ภายใต้ปฏิบัติการ จับก่อนล่า ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อีก 1 คดี เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.68 มี่ผ่านมา นายสุทธิชัย โผภูเขียว หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเชิงคุณภาพในเวลากลางคืน เมื่อไปถึงบริเวณพื้นที่ป่าหนองมะซาง ท้องที่หมู่ 4 บ้านแก่งแคบ ต.ท่ากระดาน อ.ศรีสวัสดิ์ เจ้าหน้าที่สังเกตพบแสงสว่างจากไฟฉายคาดศรีษะ 3 ดวงเดินอยู่ในป่ามุ่งหน้ามาทางเจ้าหน้าที่ เมื่อมาถึงจึงเรียกให้หยุดเพื่อขอตรวจค้น แต่หลังจากบุคคลทั้ง 3 เป็นชายเห็นเจ้าหน้าที่ จึงได้โยนอาวุธปืนรวมถึงเป้ กระสอบปุ๋ย และอุปกรณ์อื่นๆทิ้งเอาไว้ ก่อนที่จะอาศัยความชำนาญเส้นทางวิ่งฝ่าความมืดหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ได้พยายามไล่ติดตามแต่ไม่ทัน
จากการตรวจสอบภายในกระสอบปุ๋ยทั้ง 2 ใบ ปรากฏพบซากสัตว์ป่า ประเภทซากกวางป่า จำนวน 1 ซาก หนัก 38 กิโลกรัม และซากเก้ง จำนวน 1 ซาก หนัก 12.8 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดซากสัตว์ป่ารวมถึงอาวุธปืนและอุปกรณ์ต่างๆที่ถูกทิ้งเอาไว้เป็นของกลาง

จากนั้นจึงจดทำบันเรื่องราวเพื่อใช้เป็นหลักฐานก่อนที่จะเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ติดตามตัวผู้กระทำผิดที่กำลังหลบหนีมาดำเนินคดีตามกฎหมาย สำหรับหลักฐานสำคัญที่ง่ายต่อการติดตามจับกุมกลุ่มผู้ต้องหามาดำเนินคดีคือ พบโทรศัพท์มือถือตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยจำนวน 1 เครื่อง
ผู้สื่อข่าวจังหวัดกาญจนบุรี รายงาน