พ่อจ่าแซม พูดทั้งน้ำตา อย่าให้การพลีชีพลูกชายต้องเสียเปล่า จัดการให้ราบคาบ
ข่าวภูมิภาค

พ่อจ่าแซม พูดทั้งน้ำตา อย่าให้การพลีชีพลูกชายต้องเสียเปล่า จัดการให้ราบคาบ

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.68 ญาติๆ ของ จ.ส.อ.ทวีรัตน์ รัตนบุรี หรือ จ่าแซม วัย 37 ปี ทหารสังกัด กองพลรบพิเศษที่ 3 กองพันจู่โจม ต่างมาแสดงความเสียใจและให้กำลังใจ พ่อและแม่ของจ่าแซม หลังจากจ่าแซม พลีชีพในเหตุการณ์ปะทะที่เนิน 677 ช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี ในวันเดียวกัน โดยทั้งพ่อและแม่ของจ่าแซม ยังอยู่ในอาการช็อกกับการสูญเสียลูกชายคนโต โดยจ่าแซม ยังมีน้องชายอีกคนรับราชการตำรวจอยู่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

พ่อของจ่าแซม ให้ข้อมูลว่า จ่าแซม เข้าเรียนโรงเรียนนายสิบทหารบกตั้งแต่ปี 2554 ก่อนจะบรรจุเข้ารับราชการทหาร และฝึกเข้าหน่วยรบพิเศษ ก่อนจะไปประจำอยู่พื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กระทั่งเกิดเหตุปะทะชายแดนกัมพูชา รอบแรก ทางหน่วยสังกัดสอบถามว่าใครจะไปประจำชายแดนบ้าง จ่าแซม จึงอาสาขอไปประจำแนวชายแดนตั้งแต่ปะทะรอบแรก โดยประจำที่ช่องอานม้า ตั้งแต่รอบแรก และเป็นหน่วยที่เข้ายึด และขึ้นไปปักธงที่ช่องอานม้าสำเร็จ

พ่อของจ่าแซม กล่าวทั้งน้ำตาว่า อยากให้เหตุการณ์ปะทะครั้งนี้เสร็จสิ้นโดยเร็ว จัดการกัมพูชาให้ราบคาบ เพราะไม่อยากให้เกิดการสูญเสียขึ้นมาอีก ตนในฐานะคนเป็นพ่อถึงกับจุกอกพูดไม่ออก อยากให้กองทัพชนะศึกครั้งนี้ เพื่อไม่ให้การพลีชีพของลูกชายต้องเสียเปล่า

ด้านแม่ของจ่าแซม กล่าวว่า ตั้งแต่ลูกชายไปประจำที่แนวชายแดน ตนก็ติดต่อโทรศัพท์พูดคุยกันเกือบทุกวัน จนช่วง 2-3 วันก่อนจะทราบข่าวร้าย ไม่ได้โทรหากัน เพราะทราบว่าลูกติดภารกิจสำคัญอยู่ ตลอดเวลาตนเป็นห่วงความเป็นอยู่ความปลอดภัยของลูกตลอด จนมาทราบข่าวร้าย ลูกของแม่พลีชีพเพื่อชาติ แต่ตนในฐานะคนเป็นแม่ก็ยังทำใจไม่ได้ แม้จะภูมิใจกับสิ่งที่ลูกทำ

แม่ของจ่าแซม ยังบอกอีกว่า ทุกครั้งที่ได้โทรศัพท์คุย ลูกจะไม่บอกว่าการปฏิบัติงานมีความเสี่ยงแค่ไหน เพราะไม่อยากให้ตนเป็นห่วง ทุกๆวัน ตนได้แต่ภาวนาให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยคุ้มครองลูกตลอดเวลา หากเป็นไปได้ ตนยังอยากเอาชีวิตตนแลกแทนลูก ขอให้มาเอาแม่ไปแทนได้ไหม อย่างไรก็ตาม อยากให้การปะทะครั้งนี้เสร็จสิ้นโดยเร็ว เพราะไม่อยากให้มีความสูญเสียเกิดขึ้นอีก สำหรับร่างของจ่าแซม ทางหน่วยต้นสังกัด เตรียมส่งกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดถ้ำโกบ ต.หน้าเขา ในวันที่ 14 ธ.ค.นี้