เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 26 พ.ย.2568 ที่กรมชลประทาน นายเลอบุญ อุดมทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านจัดสรรน้ำและบำรุงรักษา) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสถานการณ์น้ำท่วมที่ภาคภาคใต้ ว่า ปัจจุบันมี 7 จังหวัด ได้แก่ ยะลา ปัตตานี นาราธิวาส สตูล พัทลุง สงขลา และ นครศรีธรรมราช ที่น้ำท่วมอยู่ตอนนี้ และตอนนี้มีลุ่มนํ้าหลัก ๆ ที่กรมชลประทานติดตาม คือ ลุ่มนํ้าภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนบน, ลุ่มนํ้าทะเลสาบสงขลา, ลุ่มนํ้าภาคใต้ฝั่งตะวันตก และ ลุ่มนํ้าภาคใต้ฝั่งตะวันออกตอนล่าง

โดยจะเน้นไปที่ลุ่มนํ้าทะเลสาบสงขลา เฉพาะพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีระดับนํ้าล้นตลิ่งอยู่หลายแห่ง ซึ่งต้นนํ้าอยู่ที่คลองอู่ตะเภา อีกเส้นคือเขาคอหงส์และคลองหวะมารวมกันก่อนผันนํ้าเข้าคลอง ร.1 ซึ่งสามารถรับน้ำได้ 1,200 ลูกบาศก์เซนติเมตร แต่ปีนี้น้ำที่ผันเข้ามายัง คลอง ร.1 เกิน 1,200 ลูกบาศก์ทำให้ คลอง ร.1 ใช้งานเกินศักยภาพแล้วส่งผลให้เกิดนํ้าท่วม

ส่วนรอบปีการเกิดซํ้า 300 ปีนั้น นายเลอบุญ กล่าวว่า ไม่ได้หมายความว่า 300 ปีเกิดครั้ง เปรียบเทียบง่าย ๆ คือมีลูกบอล 300 ลูก เอามือหยิบลูกบอล 1 ลูก มีโอกาสน้อยมากที่จะเจอ สําหรับระดับนํ้าที่สถานี X.44 คลองอู่ตะเภา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พบว่าปีนี้ ระดับนํ้าสูงสุด 9.97 ม.รทก. วันที่ 25 พ.ย.2568 สอดคล้องปริมาณในที่ตกในพื้นที่

อย่างไรก็ตาม ในช่วงวันที่ 27-29 พฤศจิกายน ฝนจะลดลงตามลําดับทําให้สถานการณ์ในหลายพื้นที่คลี่คลายลงระดับนํ้าก็จะตํ่ากว่าตะลิ่ง จากนั้นกรมชลประทานจะนําเครื่องสูบนํ้า 453 ตัว เครื่องผลักดันนํ้า 210 เครื่อง รถบรรทุกนํ้า 30 คัน และเครื่องจักรกลสนับสนุนอื่น ๆ รวม 1,143 เครื่อง เข้าไปติดตั้งเพื่อเร่งสูบนํ้าออกจากพื้นที่โดยเร็วที่สุด ซึ่งมีการวางแผนไว้หมดแล้ว และอาจมีการปรับแผนตามความเหมาะสม ปัจจุบันติดตั้งแล้ว 183 เครื่อง เป็นเครื่องสูบนํ้า 153 ตัว และ เครื่องผลักดันนํ้า 30 เครื่อง

เมื่อถามถึงปริมาณมวลนํ้าทั้งหมดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ อยู่ที่เท่าไร นายเลอบุญ กล่าวว่า ต้องใช้ภาพถ่ายดาวเทียมและเทคโนโลยีต่าง ๆ หลังสถานการณ์คลี่คลายเจ้าหน้าที่จะลงพื้นที่ไปวัดและจะสามารถตอบได้อย่างชัดเจน ทั้งนี้ แม้ปริมาณฝนจะลดลงต่อเนื่อง แต่หลังจากนี้ก็ยังคงต้องเฝ้าระวังพายุเนื่องจากเป็นช่วงฤดูฝนของภาคใต้