วันที่ 23 พฤศจิกายน 2568 นางเอ (นามสมมติ) พาหลานชายวัย 14 ปี เข้าร้องเรียนต่อเพจสายไหมต้องรอด หลังพบว่าหลานถูกเพื่อนชวนไปสำนักสักยันต์ย่านรามอินทราเมื่อสัปดาห์ก่อน และถูกสักรูปหนุมานและยันต์ครูบนแผ่นหลัง โดยภาพที่ออกมาไม่เหมือนต้นแบบ อีกทั้งผู้ปกครองไม่ได้ให้ความยินยอม จึงพาหลานเข้าแจ้งความที่ สน.บางเขน ก่อนเดินทางมาร้องขอความช่วยเหลือเพิ่มเติม
นางเอ เล่าว่า ขณะเห็นแผ่นหลังของหลานชายก็รู้สึกตกใจ เพราะคิดว่าเป็นสติ๊กเกอร์ แต่เมื่อรู้ว่าเป็นรอยสักจริง จึงสอบถามรายละเอียด หลานบอกว่าไปกับเพื่อนและเลือกสักรูปหนุมาน ราคา 100 บาท พร้อมบอกเหตุผลว่าช่วยแคล้วคลาด ไม่เถียงพ่อแม่ และไม่ดื้อ นางเอจึงตั้งคำถามว่าเหตุใดอาจารย์สักยันต์ถึงยอมสักให้เด็กอายุเพียง 14 ปี ทั้งที่ยังไม่ถึงวัยเหมาะสม เมื่อทราบเรื่องจึงตัดสินใจแจ้งความและร้องเรียนต่อเพจสายไหมต้องรอด เพราะต้องการให้ผู้สักออกมารับผิดชอบลบรอยสักให้
นางเอยังระบุว่า พบว่ามีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวนมากเข้ามาสักกับอาจารย์รายนี้ ซึ่งเป็นที่รู้จักในกลุ่มวัยรุ่นและลูกศิษย์บนแพลตฟอร์มติ๊กต็อก พร้อมฝากถึงอาจารย์ว่า แม้เป็นความคึกคะนองของเด็ก แต่การสักให้เด็กอายุน้อยเช่นนี้จะส่งผลติดตัวไปตลอดชีวิต จึงต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
ด้าน ด.ช.บี (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตัดสินใจไปสักเพราะความคึกคะนอง เพื่อนไม่ได้บังคับ และเป็นคนเลือกรูปเอง แต่เมื่อสักเสร็จแล้วพบว่าไม่เหมือนที่หวัง จึงรู้สึกเสียใจและยอมรับว่าตนคิดน้อยเกินไป หากย้อนเวลาได้จะไม่ไปสักอีก
นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ตัวแทนเพจสายไหมต้องรอด ระบุว่า กรณีนี้เข้าข่ายผิดกฎหมาย เนื่องจากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ยังไม่บรรลุนิติภาวะ แม้ฝ่ายสำนักสักจะอ้างว่าเด็กยินยอม แต่ตามกฎหมายต้องได้รับอนุญาตจากผู้ปกครอง พร้อมเตรียมประสาน พ.ต.อ.อนันต์ วรสาตร์ ผกก.สน.บางเขน เพื่อนำตัวผู้กระทำมาดำเนินคดี และให้รับผิดชอบค่าลบรอยสักให้เด็กด้วย